Page 72 - รายงานประจำปี 2563
P. 72
ี
�
�
ี
จังหวัดและคาวินิจฉัยอุทธรณ์ของรัฐมนตร ท่อยู่ในอานาจของศาลปกครอง แต่หากไม่เข้า
ว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงนาคดีมาฟ้องต่อ ลักษณะเป็นคดีปกครองก็เป็นคดีท่อยู่ในอานาจของ
�
�
ี
ศาลปกครอง ขอให้ศาลมีคาพิพากษาให้เพิกถอน ศาลยุติธรรม จะเห็นได้ว่า วัตถุแห่งคดีตามค�าฟ้อง
�
ี
ี
ั
ื
ื
่
�
่
ั
คาส่งและคาวินิจฉัยดังกล่าว และขอให้กระทรวง ม ๒ ข้อหา คอ ข้อหาในเรองท่ฟ้องว่าคาสงของ
�
�
ี
มหาดไทยผู้ถูกฟ้องคดีท่ ๓ ในฐานะหน่วยงาน ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ถูกฟ้องคดีท่ ๑ และคาวินิจฉัย
�
ี
ต้นสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดีท่ ๑ และท่ ๒ ชดใช้ อุทธรณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ี
ี
ิ
ค่าเสียหายระหว่างการพจารณาของศาลปกครอง ผู้ถูกฟ้องคดีท่ ๒ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กับข้อหา
ี
ั
่
�
�
�
ผู้ถูกฟ้องคดีท้งสามย่นคาร้องโต้แย้งเขตอานาจศาล ในเรองทฟ้องเรยกค่าเสยหายจากคาสงทาง
ั
ื
ี
ี
ื
่
่
ี
ี
ื
ว่า คดีน้เป็นเร่องเก่ยวกับกระบวนการบังคับคดีของ ปกครอง เม่อเร่องน้เป็นกรณีเขตอานาจศาล
ื
ื
ี
ี
�
ี
ศาลยุติธรรม จึงเป็นคดีท่อยู่ในอานาจพิจารณา ขัดแย้งกันระหว่างศาลยุติธรรมกับศาลปกครอง
�
�
ั
พิพากษาของศาลยุติธรรม จึงต้องนาพระราชบัญญัติจัดต้งศาลปกครองและ
�
ั
คดีมีปัญหาต้องพิจารณาว่า คาส่งของผู้ว่า วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาใช้เป็น
ี
่
ี
ั
ี
�
ราชการจงหวัด ผู้ถูกฟ้องคดีท ๑ ท่ให้เพิกถอน หลักในการวินิจฉัยเขตอานาจศาลในคดีน้ เพราะ
�
การจดทะเบียนจานองห้องชุดดังกล่าว คาวินิจฉัย ศาลปกครองเป็นศาลท่มีอานาจเฉพาะ หากไม่เข้า
�
ี
�
อุทธรณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หลักเกณฑ์ท่จะเข้าลักษณะเป็นคดีพิพาทท่อยู่ใน
ี
ี
�
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และค�าขอให้กระทรวงมหาดไทย อานาจของศาลปกครองตามพระราชบัญญัติฉบับน ี ้
ี
ึ
�
�
ี
ผู้ถูกฟ้องคดีท่ ๓ ชดใช้ค่าเสียหายจากการกระทา จึงจะเป็นคดีท่อยู่ในอานาจของศาลยุติธรรมซ่ง
ี
ของผู้ถูกฟ้องคดีท่ ๑ และท่ ๒ เป็นคดีพิพาทท เป็นศาลทมีอานาจพจารณาพิพากษาคดีท้งปวง
่
ิ
�
ั
่
ี
ี
ี
�
อย่ในอานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอ�านาจของศาลอื่น
ู
หรือศาลยุติธรรม การพิจารณาว่าจะเป็นคดีปกครองหรือไม่น้น
ั
ี
�
ี
คดีน้ หากพิจารณาผิวเผินจะเห็นว่า มีคด มีองค์ประกอบสาคัญ ๒ ประการ ได้แก่ คู่กรณ ี
ึ
ท่อยู่ในระหว่างการบังคับคดีของศาลยุติธรรม หรือคู่ความฝ่ายหน่งต้องเป็น “หน่วยงานทาง
ี
ี
่
ดังน้นข้อพิพาทในคดีน้จึงน่าจะเป็นคดีสาขาท ปกครอง” หรือ “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” ตามบทนิยาม
ั
ี
ี
ื
เก่ยวเน่องกับการบังคับคดีของศาลยุติธรรม มาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง
ี
หรือเป็นส่วนหน่งของกระบวนการบังคับคด และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และ
ึ
�
ี
ของศาลยุติธรรม ท่อยู่ในอานาจศาลยุติธรรม ลักษณะคดีพิพาทจะต้องเป็นคดีประเภทใดประเภท
ั
แต่ในการวินิจฉัยปัญหาเร่องเขตอานาจศาลน้น หน่งตามพระราชบญญัตจัดต้งศาลปกครองและ
�
ิ
ึ
ื
ั
ั
คณะกรรมการฯ จะต้องต้งต้นค้นหาวัตถุแห่งคด วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙
ั
ี
�
ี
ึ
ื
ท่ฟ้องหรือท่พิพาทกันเสียก่อนว่า เป็นเร่องอะไร วรรคหน่ง หรือหากเป็นคดีท่อยู่ในอานาจ
ี
ี
ี
จากน้นจึงจะนามาปรับกับข้อกฎหมายท่เก่ยวข้อง ศาลปกครองสูงสุด ท่ต้องฟ้องตรงต่อศาลปกครอง
ี
ี
ั
�
ว่า ข้อพิพาทในเร่องน้นเป็นคดีปกครองหรือไม่ สูงสุด ก็พิจารณามาตรา ๑๑ (๑) (๒) (๓) โดยเมื่อ
ื
ั
ึ
ิ
ี
�
ี
้
ี
�
็
ซ่งหากว่าเข้าลักษณะเป็นคดีปกครองก็เป็นคด เราพจารณาคาฟ้อง คาขอในคดน จะเหนได้ว่า
๗๐ รายงานประจำาปี ๒๕๖๓