Page 84 - Thesis PhD Anger by Chaichana
P. 84

๖๖



                       กับเราในชาตินี้แต่ชาติก่อน เขาอาจเคยเป็นมารดาบิดาของเราก็ได้บ้าง เคยเป็นผู้อุปการะช่วยเหลือ
                       เกื้อกูลเราในชาติก่อนบ้าง เป็นต้น


                                     (๘) ด้วยพิจารณาอานิสงส์เมตตา คือ ให้พิจารณาว่า เมื่อเราทำดีย่อมได้รับสิ่งที่ดีมี
                       หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข สบายอกสบายใจ ทำความดีไม่เดือดร้อนภายหลังเหมือนกับทำความชั่วต้อง

                       เดือดร้อนภายหลัง เป็นต้น

                                     (๙) ด้วยพิจารณาแยกธาตุคือ ให้พิจารณาว่า สิ่งทั้งปวงเป็นเพียงธาตุไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่

                       บุคคล ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตนไม่ใช่เรา ไม่ใช้เขามันเพียงสักแต่ว่าธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ จะโกรธอะไรเล่า
                       อีกไม่นานก็สลายไปแล้ว


                                     (๑๐) ด้วยการให้ปันสิ่งของ คือ ให้สิ่งของแก่ผู้ที่เราโกรธ หรือรับเอาสิ่งของที่เขาให้
                       ช่วยเหลือเขา ง้อเขา เป็นต้น


                                 จากข้อความทั้งหมดนั้นสรุปได้ว่า “เมตตาธรรมคือหลักธรรมที่เป็นปฏิปักษ์ต่อความ
                       โกรธ” บุคคลที่ระงับความโกรธได้ด้วยเมตตาย่อมเป็นบุคคลที่อยู่เป็นสุข


                                 ๒.๒ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

                                                                                                       ๑๒๕
                                 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงนิพนธ์เรื่อง “วิธีฝึกใจไม่ให้โกรธ”
                       เป็นการสอนโดยมุ่งเน้นให้สามารถน้อมนำหลักธรรมต่างๆในเล่มมาประยุกต์ใช้กับชีวิตปัจจุบันและ
                       เหตุการณ์จริงในชีวิตของคนทั่วไปเมื่อเผชิญกับความโกรธ เมื่อโกรธก็ให้รู้ว่าโกรธแล้ว ก็ให้พิจารณา

                       รูปร่างหน้าตาของความโกรธ ให้เห็นว่า เป็นความร้อน เป็นความทุกข์ จนกระทั่งถึงให้รู้ว่าเป็นอารมณ์
                       ที่ไม่พึงปรารถนา ให้มีสติพิจารณาอยู่เช่นนั้น อย่าให้ขาดสติ เพราะเมื่อขาดสติเวลาโกรธจะไม่

                       พิจารณาเรื่องดังกล่าว แต่จะต้องออกไปพิจารณาเรื่อง หรือผู้ที่ทำให้มีความโกรธ และก็ไม่เป็นการ

                        ิ
                       พจารณาเพื่อให้ความโกรธลดน้อย แต่จะกลับเป็นการพิจารณาให้ความโกรธมากขึ้น เหมือนเป็นการ
                       เพิ่มเชื้อให้แก่ไฟ จึงต้องพยายามทำสติ ควบคุมสติให้พิจารณาเข้ามาภายในใจเท่านั้น ให้เห็นความ

                       โกรธ ดูอยู่แต่รูปร่างหน้าตาของความโกรธ เท่านั้น การทำเช่นนั้นท่านเปรียบว่าเหมือนขโมยที่ซุกซ่อน

                       อยู่ เมื่อมีผู้มาดูหน้าตาก็จะซุกซ่อนอยู่ต่อไป ไม่ได้ต้องหนีไป ฉันใด ความโกรธก็เช่นกัน เมื่อเกิดขึ้นแล้ว
                       ถูกจ้องมองดูอยู่ ก็เหมือนขโมยที่มีผู้มาดูหน้า จะต้องหลบไป เมื่อความโกรธหลบไป หรือระงับลง

                       ความร้อนก็จะไม่มี ใจก็จะสบายได้โดยควร ฉะนั้น

                                 โดยเนื้อหาในหนังสือแนะนำวิธีการระงับความโกรธ ดังนี้





                                 ๑๒๕  สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก, วิธีฝึกใจไม่ให้โกรธ, พิมพ์ครั้ง
                       ที่ ๓, (นครปฐม: บริษัท สาละพิมพ์ จำกัด, ๒๕๕๗), หน้า ๒๓-๖๙.
   79   80   81   82   83   84   85   86   87   88   89