Page 79 - Thesis PhD Anger by Chaichana
P. 79

๖๑



                                                                                                         ู
                            ุ
                       พระพทธเจ้าด้วยคำด่า ๑๐ ประการ คือ ๑. เจ้าเป็นโจร ๒. เจ้าเป็นพาล ๓. เจ้าเป็นบ้า ๔. เจ้าเป็นอฐ
                       ๕. เจ้าเป็นวัว ๖. เจ้าเป็นลา ๗. เจ้าเป็นสัตว์นรก ๘. เจ้าเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ๙. สุคติของเจ้าไม่มี ๑๐.
                       เจ้าหวังได้ ทุคติอย่างเดียว กระทั่งพระอานนท์ทนไม่ได้ จึงเสนอให้พระพุทธเจ้าหนีไปอีกเมือง
                       พระพุทธเจ้าย้อนถามว่าหากเขาตามไปด่าในทุกเมืองจะทำอย่างไร และทรงสอนพระอานนท์ว่า การ

                       กระทำอย่างนี้เป็นการหนีปัญหา และตรัสว่าเราเป็นเช่นกับช้างที่เข้าสู่สงคราม การอดทนต่อลูกศรที่

                       แล่นมาจาก ๔ ทิศ เป็นภาระของช้างที่เข้าสู่สงครามฉันใด การอดทนต่อถ้อยคำที่ คนทุศีลเป็นอันมาก
                       กล่าวแล้ว เป็นภาระของเราฉันนั้น เราจะอดทนต่อคำล่วงเกิน ดังช้างศึกที่อดทนต่อลูกศร เพราะคน

                       เป็นอันมากเป็นผู้ทุศีล บุคคลผู้อดกลั้นต่อคำล่วงเกินได้ ฝึกตนดีแล้ว เป็นผู้ประเสริฐในหมู่มนุษย์ การ
                       ตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง ฉันใด เมื่อฝ่ายตรงข้ามสงบนิ่ง ทำหูทวนลมเสีย การด่าอยู่ฝ่ายเดียวก็ไร้

                       ประโยชน์ ฉันนั้น พวกปปากรับจ้างด่าจนเมื่อยปากก็เกิดความเบื่อหน่าย เลิกด่าไปเอง เรื่องก็สงบลง

                              ๑๑๘
                       ใน ๗ วัน
                                     (๒) อักโกสกภารทวาชพราหมณ์ในอักโกสกสูตร

                                     เรื่องโดยย่อ สมัยที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ในพระวิหารเวฬุวัน อักโกสกภารทวาช

                       พราหมณ์ ได้ยินว่า พราหมณ์ภารทวาชโคตรออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตในสำนักของพระสมณโค

                       ดมแล้ว จึงเกิดความโกรธ ขัดใจ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระองค์ถึงที่ประทับ จากนั้น ด่าบริภาษพระองค์
                       ด้วยวาจาอันหยาบคาย เมื่ออักโกสกภารทวาชพราหมณ์ด่าจบแล้ว พระองค์ทรงรับฟังจนจบจากนั้น

                       ตรัสถามอักโกสกภารทวาชพราหมณ์ว่า เมื่อมิตรและอำมาตย์ ญาติสาโลหิต มาเป็นแขกของท่านแล้ว

                       ท่านได้จัดของเคี้ยวของบริโภคหรือของดื่ม ต้อนรับมิตรและอำมาตย์ ญาติสาโลหิต ผู้เป็นแขกเหล่านั้น
                       แต่หากว่ามิตรและอำมาตย์ ญาติสาโลหิตผู้เป็นแขกเหล่านั้น ไม่รับของเคี้ยวของบริโภคหรือของดื่มนั้น

                       จะเป็นของใครกัน อักโกสกภารทวาชพราหมณ์ ตอบว่า ถ้าว่ามิตรและอำมาตย์ ญาติสายโลหิตผู้เป็น
                       แขกเหล่านั้น ไม่รับของเคี้ยวของบริโภคหรือของดื่มนั้น ก็เป็นของข้าฯอย่างเดิม


                                     พระพุทธเจ้าตอบว่าข้อนี้ก็อย่างเดียวกัน ท่านด่าเราผู้ไม่ด่าอยู่ ท่านโกรธเราผู้ไม่โกรธ
                       อยู่ ท่านหมายมั่นเราผู้ไม่หมายมั่นอยู่ เราไม่รับเรื่องมีการด่าเป็นต้นของท่านนั้น ดูกรพราหมณ์ เรื่องมี

                       การด่าเป็นต้นนั้นก็เป็นของท่านผู้เดียว ดูกรพราหมณ์ เรื่องมีการด่าเป็นต้นนั้นก็เป็นของท่านผู้เดียว

                       แล้วตรัสต่อไปว่า ดูกรพราหมณ์ ผู้ใดด่าตอบบุคคลผู้ด่าอยู่ โกรธตอบบุคคลผู้โกรธอยู่ หมายมั่นตอบ
                       บุคคลผู้หมายมั่นอยู่ ดูกรพราหมณ์ ผู้นี้เรากล่าวว่า ย่อมบริโภคด้วยกัน ย่อมกระทำตอบกัน เรานั้นไม่

                       บริโภคร่วม ไม่กระทำตอบด้วยท่านเป็นอันขาด ดูกรพราหมณ์ เรื่องมีการด่าเป็นต้นนั้นเป็นของท่านผู้
                       เดียว ดูกรพราหมณ์ เรื่องมีการด่าเป็นต้นนั้นเป็นของท่านผู้เดียว





                                 ๑๑๘  ขุ.อ.ธ. (ไทย) ๔๐/๑๖๒-๒๓๒.
   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83   84