Page 197 - Liver Diseases in Children
P. 197
ไวรัสตับอักเสบ 187
ื
ื
reticulum (ER) เป็น Dane particle ก่อนถูกส่งออก กำรติดเช้อไวรัสตับอักเสบบีเร้อรัง
นอกเซลล์ตับด้วยวิธี exocytosis นอกจากนี ้ (chronic hepatitis B virus infection)
nucleocapsid ที่ถูกสร้างข้นใหม่ส่วนหนึ่งที่ยังไม่ได้ การติดเช้อ HBV เร้อรัง คือ ภาวะที่ตรวจพบ
ึ
ื
ื
�
รวมกับ surface antigen จะถูกนากลับเข้าไปสู่ HBsAg เป็นเวลานานมากกว่า 6 เดือน ซ่งข้นกับอาย ุ
ึ
ึ
ั
�
ื
นิวเคลียสของเซลล์ตับอีกคร้งเพ่อนาไปสร้าง cccDNA ขณะที่มีการติดเช้อ เช่น ถ้าติดเช้อในช่วงทารกแรก
ื
ื
ึ
ข้นมาใหม่ เป็นการควบคุมปริมาณ cccDNA ในเซลล์ เกิด อายุ 1-5 ปี และช่วงวัยรุ่นหรือผใหญ่จะมีโอกาส
ู้
ตับ (cccDNA pool) ให้คงที่ เซลล์ตับที่มี cccDNA เกิดการติดเช้อ HBV เร้อรัง ร้อยละ 90, 25-50 และ
ื
ื
จะมีการสร้างไวรัสเพิ่มขึ้น และท�าให้เกิดการติดเชื้อ น้อยกวา 5 ตามล�าดับ เดกทีมีการติดเชื้อ HBV เรือรัง
็
่
่
้
ื
เร้อรัง ในผู้ที่ติดเชื้อเรื้อรังพบว่าเชื้อ HBV มีการ ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ
้
integrate เขาไปในโครโมโซมของเซลล์ตับ และอาจ การติดเช้อ HBV เรื้อรังเป็นกระบวนการซึ่งขึ้น
ื
มีส่วนท�าให้เกิดมะเร็งตับ กับปฏิสัมพันธ์ (interaction) ระหว่างการตอบสนอง
อำกำรทำงคลินิก ทางภูมิคุ้มกันของผู้ติดเช้อและการเพ่มจ�านวนของ
ิ
ื
กำรติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลัน ไวรัส การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่มากเกินเป็น
สาเหตุท�าให้เกดตับวายหรอตับอักเสบรนแรงขนเป็น
ิ
ุ
ื
ส่วนใหญ่เด็กที่ติดเชื้อ HBV แบบ horizontal
่pthaigastro.org ึ ้
ื
ื
transmission และเกิดตับอักเสบเฉียบพลันมักไม่มี พัก ๆ (flares) การติดเช้อ HBV เร้อรังมีความสัมพันธ์
อาการหรือมีอาการน้อย อาจมีอาการทั่วไป (constitutional กับมะเร็งเซลล์ตับ (hepatocellular carcinoma,
ื
symptoms) เช่น เบ่ออาหาร อ่อนเพลีย คล่นไส้ อาเจียน HCC) ถึงแม้ภาวะตับแข็งจะเป็นปัจจัยหลักในการ
ื
ี
น�ามาก่อนมีตัวเหลือง การตรวจเลือดในระยะน้พบค่า เกิด HCC แต่สามารถพบผู้ท่เป็น HCC โดยไม่มี
ี
alanine aminotransferase (ALT) สูง ระดับ HBsAg สูง ตับแข็งได้
และตรวจพบ HBV DNA (ตารางท่ 10.2) ระดับไวรัส ระยะของการติดเชื้อเรื้อรังแบ่งเป็น 5 ระยะ
ี
24
จะลดลงในช่วงทีมีตัวเหลอง ในระยะฟื้นจากโรค ซึ่งไม่จ�าเป็นต้องเรียงกัน โดยแบ่งตามสถานะของ
ื
่
ื
(convalescence) ผู้ป่วยจะหายตัวเหลือง แต่ยังอาจ การตรวจพบ HBeAg และการติดเช้อที่มีหรือไม่มี
มีอาการทั่วไปได้นานหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน ตับอักเสบ ดังแสดงในตารางที่ 10.3 โดยระยะที่ 1
การตรวจเลือดในระยะนี้จะตรวจไม่พบ HBsAg ก่อน (HBeAg-positive chronic HBV infection) มักพบ
แล้วจึงตรวจไม่พบ HBV DNA การติดเช้อ HBV ในทารกที่ติดเชื้อจากแม่ระหว่างคลอด พบอัตราการ
ื
ื
ื
เฉียบพลันอาจท�าให้เกิดตับวายเฉียบพลันได้ประมาณ ติดเช้อเร้อรังสูงในเด็กที่แม่มี HBeAg เป็นบวก
ร้อยละ 1 ซึ่งต้องรักษาด้วยการปลูกถ่ายตับ เด็กโต สันนิษฐานว่า HBeAg ของแม่ผ่านรกไปท�าให้ทารก
ทีติดเชอแบบ horizontal transmission มักหายเปน เกิด T-cell tolerance และไม่สร้างภูมิคุ้มกันในการ
ื
้
็
�
ื
ปกติ หรือกลายเป็น occult infection โดยไม่เกิดตับ กาจัดเช้อไวรัส ผู้ป่วยในระยะนี้จึงมีค่า alanine
อักเสบเร้อรัง ส่วนทารกท่ติดเช้อจากแม่มักไม่มี aminotransferase (ALT) อยู่ในเกณฑ์ปกติและมี
ี
ื
ื
อาการ และส่วนใหญ่กลายเป็นการติดเชื้อเรื้อรัง HBV DNA ปริมาณมาก