Page 5 - วิกฤติสินเชื่อซับไพรม์
P. 5
กำรเก็งก ำไร
การเก็งก าไรก็เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องอันหนึ่ง ในปี 2549 ร้อยละ 22 ของบ้านที่ถูกซื้อ (1.65 ล้านหลัง) เป็นการซื้อเพื่อการ
ื่
ลงทุน และอีกร้อยละ 14 (1.07 ล้านหลัง) เป็นการซื้อเพอเป็นบ้านตากอากาศ และในปี 2548 คิดเป็นร้อยละ 28 และ 12
ั้
ื่
ั
้
่
ิ
้
ั
ตามล าดบ ซึ่งสรุปไดวาร้อยละ 40 ของการซื้อบ้านนนไม่ใช่เพอการใช้เป็นที่อยู่อาศัย เดวด ลีรีอาห์ หัวหนานกเศรษฐศาสตร์ของ
ิ
สมาคมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพยแห่งชาตของสหรัฐ กล่าวว่า นักลงทุนถอนตวออกจากตลาดในปี 2549 ซึ่งท าให้การซื้อขาย
์
ั
ั
ิ
ื่
่
่
่
ื่
ื่
เพอการลงทุนลดลงมากกวาในตลาดเพอการอาศัย แม้วาแตเดมการซื้อบ้านมักจะไม่มีจุดประสงค์เพอการลงทุนดงเช่นหุ้น แต ่
์
ั
ั้
พฤติกรรมในระหว่างที่ตลาดอสังหาริมทรัพยขยายตวนนก็เปลี่ยนไป ตัวอย่างเช่น มีการประมาณว่าเกือบร้อยละ 85 ของคอนโดมี
่
ี
ู
ี
ิ
ึ
เนยมที่ถกซื้อในไมอามีเป็นการซื้อเพอการลงทุน สื่อตาง ๆ พากันรายงานถงพฤตกรรมการซื้อคอนโดมีเนยมก่อนที่จะสร้างเสร็จ
ื่
ั้
ิ
แล้วก็ขายท าก าไรโดยไม่อาศัยในบ้านนนเลย บริษัทสินเชื่อหลายแห่งเริ่มสังเกตเห็นความเสี่ยงจากพฤตกรรมแบบนตงแต 2548
่
ั้
ี้
หลังจากที่พบวาการลงทุนในอสังหาริมทรัพยจ านวนมากเป็นการลงทุนที่มีสัดส่วนการกู้เงินมาลงทุนสูง ไฮแมน มินสกี นก
่
์
ั
์
เศรษฐศาสตร์สายเคนส์ กล่าวถึงการกู้ยืมเพื่อเก็งก าไรสามแบบที่สามารถท าให้เกิดหนี้สะสมและท าให้มูลค่าสินทรัพยต้องหมดไปใน
ื
้
ที่สุด ได้แก่ ผู้กู้ยืมป้องกันความเสี่ยงคือผู้กู้ยมที่สามารถช าระหนี้คืนได้ดวยเงินในการลงทุนส่วนอื่น ผู้กู้ยืมเก็งก าไรซึ่งสามารถช าระ
ั
้
่
ั้
ื
้
ื่
ุ๋
ี้
ดอกเบี้ยได แตตองกู้เงินจากแหล่งใหม่เพอมาช าระหนสินเดม และผู้กู้ยมพอนซี (ซึ่งตงชื่อตามนกตมตน ชาร์ลส์ พอนซี) ที่ไม่
ิ
้
ี้
่
สามารถช าระหนี้หรือดอกเบี้ยได้ และต้องพึ่งพาการเพิ่มค่าของสินทรัพย์ (เช่นอสังหาริมทรัพย์) เพื่อปรับโครงสร้างหน กล่าวกันวา
การกู้ยืมเพื่อเก็งก าไรนั้นเป็นปัจจัยเกี่ยวข้องที่ท าให้เกิดวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์