Page 217 - ED 211
P. 217
หรือไม่เชื่อถือที่มีต่อเรื่องเล่าขนาดใหญ่ (Postmodern As Incredulity Towards Metanarratives)
สภาวะหลังสมัยใหม่จึงแตกต่างจากสภาวะสมัยใหม่ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เรื่องเล่าขนาดใหญ่มีความชอบธรรม
หรือได้รับการเชื่อถือ (Metanarrative Legitimation) เรื่องเล่าขนาดใหญ่ในที่นี้หมายถึง ความรู้ที่ชอบ
ธรรมและเป็นค าอธิบายพื้นฐานเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติและจุดมุ่งหมายในการด ารงอยู่ของ
เผ่าพันธุ์มนุษย์ เช่น ทฤษฎีของคาร์ล มาร์กซ์ ฟรีดริช เฮเกิล อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เลียวทาร์ดเห็นว่า
ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีหลังสงครามโลกครั้งที่สองส่งผลอย่างรุนแรงต่อสถานะของความรู้
สมัยใหม่ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นความรู้สูงสุดเหนือกว่าความรู้แบบอื่น การท าให้สังคมเป็นแบบคอมพิวเตอร์
ได้ท าให้ปัญหาด้านความชอบธรรม (Legitimation) ซึ่งเป็นปัญหาทั้งด้านความรู้และอ านาจที่ไม่อาจแยก
ออกจากกันเหมือนเหรียญสองด้านได้เปลี่ยนแปลงไป เพราะท าให้ค าถามที่ว่าใครควรเป็นผู้ตัดสินใจว่า
อะไรคือความรู้ และอะไรควรเป็นเกณฑ์ที่ใช้ส าหรับการตัดสินใจว่าอะไรคือความรู้ ไม่ใช่ค าถามที่มีต่อ
รัฐเพียงฝ่ายเดียวอีกต่อไป การที่ความรู้มหาศาลได้ถูกจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลแบบดิจิทัล ท าให้เลียวทาร์ด
ตั้งข้อสงสัยว่าบรรษัทข้ามชาติอาจเป็นผู้ตัดสินใจว่าอะไรคือความรู้ที่ควรจัดเก็บและใครสามารถเข้าถึง
ฐานข้อมูลเหล่านี้ เมื่อรัฐและทุน (เช่น บรรษัทข้ามชาติ) เกี่ยวข้องกับความชอบธรรมเพราะเป็นผู้ก าหนด
เกณฑ์ว่าสิ่งใดเป็นหรือไม่เป็นความรู้ ความรู้จึงเกี่ยวพันกับอ านาจ ไม่ใช่ความเป็นกลาง หรือปลอดจาก
ค่านิยมอีกต่อไป ความรู้ในทัศนะของนักคิดหลังสมัยใหม่จึงไม่ใช่เรื่องของการเข้าใจหรือพยายามอธิบาย
ความจริง หากแต่เป็นเพียงมุมมองของผู้มีอ านาจ ไม่ใช่ความรู้ที่เป็นสากลใช้ได้ทั่วไป ความรู้จึงเป็นเพียง
วาทกรรม (Discourse) ประเภทหนึ่งเท่านั้นเอง (Lyotard. 1984)
เลียวทาร์ดยังมองว่าความเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีท าให้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
16
มีความเกี่ยวข้องกับภาษามากขึ้น วิทยาศาสตร์จึงมีสถานะเป็นเกมภาษา แบบหนึ่ง เมื่อเกมภาษาแต่ละ
เกมต่างมีกฎของตนเอง วิทยาศาสตร์จึงไม่ได้มีสถานะเหนือกว่าเกมภาษาแบบอื่น และไม่ได้เป็นตัวแทน
ของความรู้ทั้งหมด หรือเป็นความรู้ที่มีสถานะสูงสุด เพราะยังมีความรู้ที่เลียวทาร์ดเรียกว่า ความรู้แบบ
เรื่องเล่า (Narrative Knowledge) ด้วย ซึ่งเขามองว่าเป็นส่วนส าคัญของทุกสังคมเนื่องจากเป็นความรู้ที่
ก าหนดกฎระเบียบซึ่งก่อให้เกิดพันธะทางสังคม ความรู้ทั้งสองประเภทจึงมีความส าคัญเท่าเทียมกัน
(Lyotard. 1984)
16 เลียวทาร์ดน ามโนทัศน์เรื่องเกมภาษา (Language-games) มาจากวิตเกนสไตน์ ซึ่งมองว่าการติดต่อสื่อสารหรือการ
เลือกใช้ค าที่สื่อความหมายกันได้นั้นเป็นเพราะความเข้าใจกฎของการใช้ภาษานั้น ๆ กฎดังกล่าวเหมือนกับกติกาของการเล่นเกม ซึ่งผู้
เล่น (รวมทั้งผู้ชม) มีความเข้าใจกติการ่วมกัน ซึ่งอาจเข้าได้ง่ายขึ้นหากพิจารณาจากการยกตัวอย่างของวิตเกนสไตน์ที่ โสรัจจ์ หงศ์ลดา
รมภ์ (2558: 219-220) อธิบายไว้ในหนังสือเรื่องปรัชญาภาษาว่า “.....ลองสังเกตดูเกมการเล่นอย่างหนึ่ง เช่น หมากรุก การเดินของ
ตัวหมากรุกแต่ละตัวจะ “มีความหมาย” ก็ต่อเมื่อการเดินนั้นเป็นไปตามกฎของหมากรุก แต่ถ้าผมเดินเกมตัวหมากรุกในเกมหมากรุก
เหมือนกับตัวหมากฮอส การเดินนั้นก็ไม่มีความหมาย.....การเปรียบภาษาเป็นเกมก็ยังหมายความว่า ภาษานั้นไม่มีความหมายอะไรที่
ลึกซึ้งไปกว่าบทบาทของมันเองในการปฏิบัติต่อกันของมนุษย์ที่เป็นผู้เล่นเกม.....”
เอกสารประกอบการสอนรายวิชากระบวนทัศน์ทางการศึกษา พรใจ ลี่ทองอิน | 142