Page 218 - ED 211
P. 218
อาจกล่าวได้ว่า สภาวะหลังสมัยใหม่ หมายถึง สภาพสังคมร่วมสมัยที่พัฒนามาจากสังคม
สมัยใหม่ มีระบบความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและแปรเปลี่ยนได้ง่ายมากกว่าในอดีต ท าให้เกิดความเป็นพหุใน
หลายลักษณะ มีลักษณะส าคัญอยู่ที่การปฏิเสธ วิพากษ์ ต่อต้านความรู้และระบบคุณค่าแบบสมัยใหม่
ความรู้ในทัศนะของแนวคิดหลังสมัยใหม่ไม่ใช่ข้อสรุปทั่วไป หรือเป็นความสัมพันธ์เชิงเหตุและผลซึ่งเป็น
สากลอีกต่อไป เพราะความรู้เป็นเพียงวาทกรรม ถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มคนที่แตกต่างหลากหลาย ไม่ได้มา
จากคนกลุ่มเดียวที่มีอ านาจ ความรู้จึงมีหลายแบบ มีทั้งความรู้ที่ถูกจัดระบบอยู่ในรูปของศาสตร์หรือ
ศาสตร์เชิงนามธรรม และความรู้ที่เป็นการเล่าเรื่องเชิงข้อเท็จจริง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะเจาะจง รวมทั้ง
ความรู้ยังเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หรือมีสถานะเป็นเพียงความรู้ ณ ช่วงเวลาหนึ่งจนกว่าจะถูกปฏิเสธ
เพราะมีการค้นพบความรู้ชุดใหม่ ดังข้อสรุปของ วีระ สมบูรณ์ (2532: 104-105) ซึ่งสะท้อนกระบวน
ทัศน์ชุดใหม่ในการมองความรู้ความตอนหนึ่งว่า “ความจริงและเหตุผลอาจมีได้หลากหลายตามพื้นเพของ
จารีตต่าง ๆ ในสังคม และความรู้แบบเหตุผล หรือ “วิทยาศาสตร์” ก็เป็นเพียงพรมแดนหนึ่งของความรู้
ซึ่งไม่จ าเป็นต้องเป็นมาตรวัดตัดสินความรู้และประสบการณ์จากจารีตอื่น ๆ”
การปรับตัวและทางเลือกใหม่ของการศึกษาไทย
นับตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา รัฐสมัยใหม่ได้เริ่มหันมาจัดการศึกษาส าหรับ
ประชาชนในรูปแบบของการศึกษาในระบบโรงเรียน หรือที่เรียกกันว่าการศึกษาสมัยใหม่ (Modern
17
Education) ซึ่งเป็นนวัตกรรมการศึกษาที่มีรากฐานจากเรอเนซองส์ (Renaissance) ตอนปลายและยุค
สมัยใหม่ตอนต้น การศึกษาสมัยใหม่ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ขณะเดียวกันแนวคิดทางการศึกษาซึ่งวางอยู่บน
ฐานของกระบวนทัศน์ทางการศึกษาชุดใหม่ได้ถูกน าเสนอโดยโรบินสัน (2559: 377-378) หนึ่งในนักการ
ศึกษาที่เสนอให้ปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ทางการศึกษา โรบินสันมองว่าในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 แนวคิด
การจัดการศึกษาแบบองค์รวมที่ให้ความส าคัญกับผู้เรียนเป็นรายบุคคลได้ก่อตัวขึ้น โดยยกตัวอย่างบุคคล
ส าคัญที่เสนอแนวคิดดังกล่าว อาทิ มาเรีย มอนเตสซอรี (Maria Montessori, 1870-1952) รูดอล์ฟ
17 เรอเนซองส์หรือสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาเริ่มขึ้นในอิตาลีในช่วงต้นศตวรรษที่ 14 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สมัยกลางเริ่มอับแสง
ทั่วทวีปยุโรป ก่อนที่จะแพร่ไปทั่วยุโรปในช่วงปลายศตวรรษที่ 14 และรุ่งเรืองสูงสุดในช่วงปี ค.ศ.1500-1530 ขบวนการที่เรียกกันว่า
มนุษยนิยม (Humanism) ซึ่งในความหมายแคบหมายถึงการตื่นตัวใหม่ของความสนใจในวรรณคดีและปรัชญาของกรีกและโรม ใน
ความหมายกว้างหมายถึงการฟื้นฟูความสนใจในเหตุการณ์และความส าคัญในบทบาทของมนุษย์ในโลกนี้ เรอเนซองส์ส่งเสริมให้มนุษย์
เสาะแสวงหาสาระส าคัญนอกศาสนจักร และปลูกฝังความเหมือนจริงในศิลป ซึ่งแตกต่างสมัยกลางที่เน้นถึงโลกหน้าและหลีกทางให้กับ
ความสนใจในโลกนี้และชีวิตในปัจจุบัน ขบวนการที่เรียกกันว่ามนุษยนิยมนี้ได้น าความนับถือในอารยธรรมโบราณ และความต้องการ
เปลี่ยนศิลป วรรณคดี ภาษาและกินอยู่ตามแบบยุคคลาสสิค (วอลแบงค์และเทย์เลอร์. 2509: 318-347) ส่วนยุคคลาสสิค เป็นค าที่
ใช้ส าหรับเรียกอารยธรรมที่ก่อตัวขึ้นตามชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน ซึ่งเป็นความสามารถของชนสองชาติคือ กรีกและโรมัน อารย
ธรรมที่ชาวกรีกให้ก าเนิดในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตศักราช มีทั้งด้านปรัชญา วรรณคดี ศิลปกรรมและความรู้ทั้งหลายซึ่งยังคงเป็นวิชา
คลาสสิคของโลกตะวันตก ส่วนอิทธิพลของโรมก่อตัวขึ้นประมาณ 275 ปีก่อนคริสตศักราช ในอิตาลี โรมมีความยิ่งใหญ่ทั้งด้านภาษา
วรรณคดีและสถาปัตยกรรม การปกครองและกฎหมาย (หน้า 59-60)
เอกสารประกอบการสอนรายวิชากระบวนทัศน์ทางการศึกษา พรใจ ลี่ทองอิน | 143