Page 131 - OB
P. 131
แรงจูงใจ 115
และก ำลังใจของพนักงำนกลับคืนมำด้วยกำรแสดงควำมเชื่อมั่นและมั่นใจในควำมสำมำรถของ
พนักงำน ว่ำเขำจะสำมำรถแก้ไขปัญหำดังกล่ำวได้อย่ำงบรรลุเป้ ำหมำย
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่ำ เทคนิคกำรเสริมแรงทั้ง 2 กรณี เป็นควำมพยำยำมที่จะใช้วิธีกำร
เสริมแรงในเชิงบวก (positive approach) ซึ่งเป็นกำรตอกย ้ำข้อดี โดยพยำยำมมองหำข้อดีของ
พนักงำน และเบี่ยงเบนพฤติกรรมด้ำนลบ มำกกว่ำที่จะสร้ำงสภำพแวดล้อมที่บั่นทอนขวัญ
และก ำลังใจในกำรท ำงำนของพนักงำน
3. การจูงใจบุคคลด้วยการเป็นองค์กรในดวงใจของพนักงาน
กำรจูงใจบุคคลด้วยกำรเป็นองค์กรในดวงใจของพนักงำน (employer of choice)
เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นจำกกำรแข่งขันขององค์กำรต่ำงๆ แย่งชิงบุคคลที่มีควำมสำมำรถเข้ำสู่
องค์กำรของตน จนกลำยเป็นปรำกฏกำรณ์สงครำมแย่งชิงคนเก่ง (the war for talent) ซึ่งอำจ
กล่ำวได้ว่ำไม่เพียงองค์กำรเท่ำนั้นที่มีสิทธิ์เลือกบุคคลเข้ำสู่องค์กำร แต่บุคคลที่มีควำมสำมำรถมี
ศักยภำพ (คนเก่ง) ก็มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเลือกว่ำตนเองอยำกที่จะท ำงำนอยู่กับองค์กำรไหนด้วย
ดังนั้น จึงท ำให้องค์กำรต่ำงๆ พยำยำมค้นหำค ำตอบว่ำ คนเก่งต้องกำรอะไร เพื่อจะพัฒนำองค์กร
ให้มีสิ่งเหล่ำนั้น และน ำไปสู่กำรเป็นองค์กรในดวงใจของพนักงำน
โดยส ำหรับกำรศึกษำในต่ำงประเทศนั้นพบว่ำ ยูนิเวอร์ซัม (Universum, 2012) ได้
ท ำกำรศึกษำและพัฒนำตัวแบบกำรสร้ำงควำมน่ำดึงดูดใจของนำยจ้ำง (the drivers of employer
attractiveness) อย่ำงต่อเนื่องมำตั่งแต่ปี ค.ศ.2006 จนถึงปัจจุบัน โดยท ำกำรส ำรวจจำกนักศึกษำ
แต่ละประเทศในสำขำที่เป็นที่ต้องกำรของตลำดแรงงำน ซึ่งแบ่งปัจจัยออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
ปัจจัยด้ำนภำพลักษณ์และชื่อเสียงของนำยจ้ำง ปัจจัยด้ำนลักษณะงำนที่ท ำ ปัจจัยด้ำนวัฒนธรรม
และคนในองค์กร และปัจจัยด้ำนโอกำสควำมก้ำวหน้ำในหน้ำที่กำรงำนและกำรจ่ำยค่ำตอบแทน
ส่วนกำรศึกษำในประเทศไทยนั้น พบว่ำ อเด็คโก้ (อเด็คโก้ประเทศไทย, 2554) ซึ่ง
เป็นบริษัทที่ปรึกษำทำงด้ำนกำรบริหำรทรัพยำกรมนุษย์ระดับโลก ได้ท ำกำรศึกษำเรื่องบริษัทใน
ฝันของคนท ำงำนในประเทศไทย โดยพบว่ำ ปัจจัยที่ส ำคัญที่สุดในกำรเลือกสมัครงำนกับบริษัท
หนึ่งๆ สำมล ำดับแรก ได้แก่ ชื่อเสียงขององค์กร (ร้อยละ 43) วัฒนธรรมองค์กร (ร้อยละ 30) และ
ขนำดขององค์กร (ร้อยละ 13) ต่อมำลักษณะของบริษัทที่อยำกไปท ำงำนด้วยมำกที่สุดสำมล ำดับ
แรก ได้แก่ บริษัทข้ำมชำติ (ร้อยละ 70) บริษัทคนไทยขนำดใหญ่ (ร้อยละ 14) และรัฐวิสำหกิจ
(ร้อยละ 12) โดยเหตุผลหลักที่กลุ่มตัวอย่ำงเลือกอยำกจะท ำงำนกับบริษัทดังกล่ำวก็เพรำะว่ำ
