Page 125 - Annual Report 2552
P. 125
ตารางที่ 5: เหตุผลและความจำาเป็นในการออก ILB
1. ความตองการระดมทุนของรัฐบาล
งปม. 2553 2. ความสอดคลองดานนโยบาย
- การดำเนินนโยบายขาดดุล 3.5 แสนลานบาท นโยบายการคลังไปในทิศทาง
- ปรับโครงสรางหน�้ 1.9 แสนลานบาท เดียวกับนโยบายการเงิน
- พ.ร.ก. ไทยเขมแข็ง 3.2 แสนลานบาท
ILBs
3. การพัฒนาตลาดตราสารหน�้
- สรางความหลากหลายใหผลิตภัณฑตราสารหน�้
- ขยายฐานนักลงทุน
- สรางเครืื่องมือปองกันความเสี่ยงจากเงินเฟอ
5. ข้อควรพิจารณา
5.1 การเลือกใช้ดัชนีวัดการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ
ดัชนีชี้วัดการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อที่ต่างประเทศนิยมนำามาใช้เป็นอัตราอ้างอิงในการออก ILB
มากที่สุด ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ Consumer Price Index (CPI) ซึ่งมีทั้งดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป
(Headline CPI) และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมสินค้าที่มีราคาผันผวน เช่น สินค้าเกษตร
และพลังงาน เป็นต้น นอกจากนี้ ในบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ใช้ CPI-Urban ซึ่งวัดดัชนีราคาผู้บริโภคเฉพาะ
ในเมืองเป็นดัชนีอ้างอิง เนื่องจากเห็นว่ากลุ่มนักลงทุนเป้าหมายอาศัยอยู่ในชุมชนเมือง ดังนั้น ปัจจัยสำาคัญที่ผู้ออก
ต้องคำานึงถึงในการเลือกดัชนีอ้างอิง ได้แก่ ความน่าเชื่อถือ ความโปร่งใสในการคำานวณและความสม่ำาเสมอของ
ดัชนีที่ใช้รวมไปถึงความเป็นอิสระจากผู้ออก ILB
อย่างไรก็ตาม ความล่าช้าของการประกาศดัชนี หรือ Indexation Lag ถือเป็นปัจจัยที่สำาคัญต่อ
ความน่าเชื่อถือของดัชนีที่ใช้ด้วย เนื่องจากหน่วยงานที่รับผิดชอบในการเก็บรวบรวมข้อมูลต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง
สำาหรับการคำานวณ และการประกาศดัชนี จึงทำาให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่ผูกติดกับตัวเลขดัชนี
ดังกล่าว ไม่สะท้อนภาวะเงินเฟ้อได้อย่างแท้จริงและเกิดความเหลื่อมล้ำาของเวลาที่ประกาศตัวเลขดัชนีกับเวลาที่
จ่ายดอกเบี้ยอยู่บ้าง
รูปแบบ ILB ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้กำาหนดอัตรา Index Ratio เพื่อสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลง
ของเงินเฟ้อสะสม ตั้งแต่วันที่เริ่มออก ILB รุ่นนั้นๆ จนถึงปัจจุบัน โดยใช้ดัชนี CPI ย้อนหลัง 3 เดือนก่อนหน้า
124 รายงานประจำาปี 2552 ANNUAL REPORT 2009