Page 85 - วชาวทยาศาสตรทกษะโปรเเกรม_Neat (1)
P. 85
76
ชนิดได้ต่างกัน และตัวละลายต่างชนิดกันจะสามารถละลายได้ในตัวทําละลายชนิด
เดียวกัน กัน เช่น นํ้าตาลทรายสามารถละลายได้ในนํ้า แต่ไม่ละลายในเอทานอล
2. อัตราส่วนระหว่างปริมาณของตัวละลายกับตัวทําละลาย ถ้าใช้ตัวทําละลายมาก ตัว
ละลายจะ ด้มาก ถ้าใช้ตัวทําละลายน้อย ตัวละลายจะละลายได้น้อย
3. อุณหภูมิ โดยทั่วไปการละลายของสารจะเพิ่มขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น
4. ความดัน โดยทั่วไปจะมีผลต่อตัวละลายที่เป็นแก๊ส เมื่อความดันสูงขึ้น แก๊สจะละลาย
ได้ดีขึ้น
4.3 การเกิดปฏิกิริยาเคมี
การเกิดปฏิกิริยาเคมีของสาร เป็นการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสารทําให้มีสาร
ใหม่เกิดขึ้น จากสารเดิม ปฏิกิริยาเคมีสามารถเขียนแสดงความสัมพันธ์ระหว่างสารตั้งต้น
(สารเดิม) และผลิตภัณฑ์ (สารใหม่) ได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้
สารตั้งต้น (Substrate) คือ สารที่เข้าทําปฏิกิริยา จะเขียนไว้ทางซ้ายมือ ผลิตภัณฑ์
(Product) คือ สารที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาเคมี จะเขียนไว้ทางขวามือ เขียนได้ดังนี้ สารตั้ง
ต้น ผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างปฏิกิริยาเคมี เช่น เมื่อเติมหินปูน (แคลเซียมคาร์บอเนต) ลงใน
กรดไฮโดรคลอริก จะเห็นฟองแก๊สในหลอดทดลองและหินปูนสึกกร่อน แก๊สที่เกิดขึ้นคือ
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เขียน ความสัมพันธ์ได้ดังนี้ กรดไฮโดรคลอริก + แคลเซียม
คาร์บอเนต - แคลเซียมคลอไรด์ + นํ้า + แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
เขียนสมการเคมีได้ดังนี้ 2HCl(aq) + CaCO (s) – CaCl (aq) + H O(I) + CO (g)
2
3
2
2
การเกิดปฏิกิริยาเคมีของสารแต่ละชนิดจะเกิดผลิตภัณฑ์แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ
ชนิดของ สารตั้งต้น และจะเกิดปฏิกิริยาเร็วช้าแตกต่างกันและถ้าเปรียบเทียบมวลของ
สารก่อนและหลังทําปฏิกิริยา จะพบว่ามีมวลเท่ากันซึ่งเป็นไปตามกฎทรงมวลของสารที่
กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ของสารที่อยู่ใน ระบบปิดมวลของสารก่อนและหลังการ
เกิดปฏิกิริยาเคมีจะมีค่าคงที่”