Page 92 - วชาวทยาศาสตรทกษะโปรเเกรม_Neat (1)
P. 92

82



               2. พลังงานกับการเกิดปฏิกิริยาเคมี

                      การเกิดปฏิกิริยาเคมีจะมีพลังงานเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ ถ้าใช้การถ่ายเท

               พลังงานเป็น จะแบ่งปฏิกิริยาเคมีออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่


                     2.1 ปฏิกิริยาคายความร้อน (Exothermic Reaction)

                           ปฏิกิริยาชนิดนี้มีลักษณะสําคัญที่สังเกตได้ คือ เมื่อเกิดปฏิกิริยาเคมีจะทําให้

               ภาชนะ อุณหภูมิสูงขึ้น เพราะมีการถ่ายเทพลังงานความร้อนให้กับสิ่งแวดล้อม เช่น


               ปฏิกิริยาการเผาไหม้ของ เชื้อเพลิงต่าง ๆ ในอุณหภูมิปกติจะไม่เกิดปฏิกิริยาการเผาไหม้

               เพราะพลังงานที่ใช้ในการเกิดปฏิกิริยายังไม่  เพียงพอ จึงต้องมีการให้พลังงานจํานวน

               หนึ่งเข้าไปก่อนเพื่อกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยา และเมื่อเกิดปฏิกิริยา เคมีแล้วจะคายพลังงาน


               ความร้อนออกมามากกว่าพลังงานที่ใช้กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยา เช่น ปฏิกิริยาการ เผาไหม้

               ของแก๊สมีเทน (CH)

                    2.2 ปฏิกิริยาดูดความร้อน (Endothermic Reaction)


                         ปฏิกิริยาชนิดนี้มีลักษณะสําคัญที่สังเกตได้  คือ เมื่อเกิดปฏิกิริยาเคมีจะทําให้


               ภาชนะ มีอุณหภูมิตํ่าลง เพราะมีการดูดพลังงานความร้อนจากสิ่งแวดล้อม เช่น ปฏิกิริยา

               ระหว่างแก๊สไนโตรเจนกับ แก๊สออกซิเจน





               3 ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี


                   ปฏิกิริยาเคมีจะเกิดขึ้นได้เร็วหรือไม่สามารถวัดได้จากอัตราการเกิดปฏิกิริยา ซึ่ง

               พิจารณาจากปริมาณ ของสารตั้งต้นที่ลดลงหรือปริมาณของผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมากขึ้นต่อ


               หน่วยเวลา ซึ่งอาจดูได้จากความเข้มข้น  ปริมาตร หรือมวลของสารที่เปลี่ยนแปลงไป

               หลังจากเกิดปฏิกิริยา โดยเขียนสูตรแสดงความสัมพันธ์ได้ดังนี้


                อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี = ปริมาณสารตั้งต้นที่ลดลง


                                                = ปริมาณผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น
   87   88   89   90   91   92   93   94   95   96   97