Page 65 - บทเรียนการสื่อสาร
P. 65

เรื่องที่ 1  “เพียงเพราะอยากให้เขามีเพื่อน”


                          วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมซึ่งรับบทบาทของครูแพทย์เกิดความรู้สึกอึดอัดขึ้นในใจ อึดอัด

                   ที่ไม่สามารถหาลูกศิษย์ ไม่ว่าจะเป็นนิสิตปี 4 ที่ยังอยู่ระหว่างปิดภาคเรียน ขณะที่เอ็กซเทิร์น
                   (extern = นิสิตแพทย์ปี 6) และเรซิเด้นท์ (resident = แพทย์ประจ าบ้านหรือแพทย์ที่ก าลัง
                                                                       ่
                   ฝึกอบรมเป็นแพทย์เฉพาะทาง) ก าลังวุ่นวายกับการดูแลผู้ปวยอยู่ที่โอพีดี (OPD = outpatient
                                                       ั
                                      ่
                   department แผนกผู้ปวยนอก) เพื่อเข้าฟงผมท าเคาวเซอลิ่ง (counseling = การให้การปรึกษา)
                   พ่อของเด็กคนหนึ่งที่ผมดูแลอยู่ จะเป็นการให้การปรึกษาแบบสดๆ ในชีวิตจริงๆ ของแพทย์ ซึ่ง
                   แตกต่างจากการเรียนรู้แบบอื่นๆ ที่พวกเขาคุ้นเคยและเคยได้รับ  หลังจากเดินตามหาลูกศิษย์

                   ตามห้องตรวจต่างๆ อยู่พักใหญ่ ก็ตัดสินใจที่จะลงมือท าโดยล าพัง และรู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง
                   เมื่อสิ้นสุดการเคาวเซอลิ่ง เพราะเราได้รับบทเรียนที่มีคุณค่าจากศาสตร์อันลึกล ้านี้ จึงต้องรีบท า

                   การบันทึกไว้เพื่อให้ผู้อื่นได้มีโอกาสเรียนรู้ร่วมกับเราด้วย
                                        ่
                          ผมออกตรวจผู้ปวยเด็กที่คลอดจากคุณแม่ซึ่งติดเชื้อเอชไอวีเป็นประจ าทุกสัปดาห์การ
                   ให้ยาต้านเอดส์ในหญิงตั้งครรภ์ท าให้โอกาสในการติดเชื้อในเด็กลดลงกว่าในอดีตมาก แม้ว่าการ
                    ้
                                                                           ่
                   ปองกันดังกล่าวจะช่วยให้เด็กรอดจากการเป็นโรคร้าย แต่หลายฝายก็อดจะโจมตีพวกเราไม่ได้
                   ว่า เราก าลังท าให้เด็กรอด แต่กลายเป็นเด็กก าพร้าที่ไม่มีพ่อแม่ดูแลเมื่อเขาต้องเสียชีวิต และ
                   นี่เองเป็นที่มาของการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีแบบเป็นครอบครัว หมายความว่านอกจากเราจะ
                       ้
                   ปกปองเด็กแล้ว เรายังต้องดูแลพ่อแม่ของเขาให้มีอายุยืนยาวที่สุด เพื่อให้ครอบครัวของเด็ก
                                               ้
                   น้อยมีความสมบูรณ์มากที่สุด เปาหมายก็คือ อยากให้เขาอยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก อยากจะ
                   เห็นเด็กไม่ติดเชื้อ อยากจะเห็นคุณพ่อจ านวนหนึ่งซึ่งไม่ได้ติดเชื้อยังคงไม่ติดเชื้อไปตลอดชีวิต
                   ของเขาด้วยการใช้คอนดอม (condom = ถุงยางอนามัย) ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ และอยากจะ

                   เห็นคุณแม่ซึ่งรวมถึงคุณพ่อที่ติดเชื้อได้รับการรักษาด้วยยาต้านเอดส์เมื่อซีดี 4 (CD4 = เม็ด
                                                                ้
                   เลือดขาวชนิดหนึ่งซึ่งท าหน้าที่เป็นทหารที่คอยปกปองร่างกาย และเป็นเม็ดเลือดขาวที่เชื้อเอช
                   ไอวีชอบกินเป็นอาหาร) ลดลงถึงระดับหนึ่ง และการรักษาประสบความส าเร็จจนท าให้ผู้ติดเชื้อมี
                   ชีวิตที่ยืนยาวเช่นเดียวหรือใกล้เคียงกับคนทั่วไป

                          ในวันนั้นการตรวจของผมได้มาสะดุดอยู่ที่ครอบครัวหนึ่งซึ่งผมคิดว่าต้องการความ
                   ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ผมเริ่มต้นจากการตรวจเด็กที่มีอายุขวบครึ่งและพร้อมที่จะตรวจเลือด

                   เพื่อพิสูจน์ว่าเขาติดเชื้อหรือไม่ เป็นวันส าคัญที่พ่อแม่รอคอย ผมมักให้ข้อมูลกับพ่อแม่ซึ่งเป็น
                   ส่วนหนึ่งของการเคาวเซอลิ่งโดยใช้ตัวเลข “10%” เป็นโอกาสเสี่ยงที่เด็กอาจติดเชื้อจากแม่ที่ติด

                   เชื้อเอชไอวีโดยได้รับยาต้านเอดส์ระหว่างตั้งครรภ์และระหว่างคลอด และเด็กได้รับยาหลังคลอด
                   ทั้งๆ ที่ตัวเลขที่เป็นที่ยอมรับเป็นมาตรฐานสากลอาจต ่าถึงระดับ 2-5 เปอร์เซ็นต์ แต่ผมชอบ

                   ตัวเลข 10 เปอร์เซ็นต์ซึ่งง่ายต่อการอธิบาย
                          “ถ้าเปรียบเทียบโอกาสในการติดเชื้อของลูกกับเหรียญ 10 เหรียญ มีโอกาสที่จะติดเชื้อ

                   1 เหรียญ ไม่ติด 9 เหรียญ คือมีโอกาสติดประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์หรือตํ่ากว่านั้น”





                                                                                                    65
   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69   70