Page 111 - คู่มือตุลาการ เล่มที่ 1 วิ.แพ่ง มีสารบัญ ebook
P. 111

คู่มือปฏิบัติราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง   ๘๓


                  เมื่อจ าเลยมิได้ให้การถึงฟ้องข้อใดไว้ จึงถือไม่ได้ว่าจ าเลยปฏิเสธ โจทก์ไม่ต้องน าสืบฟ้องข้อนั้น

                  (ฎีกาที่ ๑๑๙๖/๒๕๑๑) หรือ “จ าเลยไม่ทราบ ไม่รับรอง” โดยไม่ได้แสดงเหตุแห่งการปฏิเสธ

                  ไม่เป็นประเด็นที่โจทก์จะต้องน าสืบ (ฎีกาที่ ๑๙๒๘ - ๑๙๓๑/๒๕๒๘, ๑๖๗๖/๒๕๒๙) หรือ

                  ให้การว่าจะได้ลงชื่อเป็นผู้ค ้าประกันหรือเปล่า “จ าไม่ได้” สัญญากู้และสัญญาค ้าประกัน

                  ท้ายฟ้องจ าเลย “ไม่รับรองและไม่ยืนยัน”  ถือว่ามิได้ให้การรับหรือปฏิเสธ  จ าเลยจึงไม่มีข้อต่อสู้

                  และประเด็นที่จะน าสืบ (ฎีกาที่ ๕๖๓/๒๕๑๓)

                                                -  ค าให้การที่ขัดกันเอง คือจ าเลยจะต้องยืนยันไปทางใดทางหนึ่ง

                  เพียงทางเดียว เช่น โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าแชร์เปียหวยจากจ าเลย จ าเลยให้การว่ามิได้เล่นแชร์

                  กับโจทก์  ถ้าหากปรากฏว่าจ าเลยเล่นแชร์กับโจทก์ จ าเลยก็ได้จ่ายเงินให้โจทก์ไปหมดแล้ว

                  ดังนี้ เป็นค าให้การที่ขัดกัน  เมื่อจ าเลยมิได้แถลงต่อศาลว่าจะสืบแต่เฉพาะทางใดทางหนึ่งแน่

                  หากสืบทั้งสองทางไม่มีประโยชน์ที่จะให้จ าเลยน าสืบ (ฎีกาที่ ๗๒/๒๕๐๕) แต่โจทก์จะต้องมี


                  หน้าที่น าสืบต่อไปหรือไม่ จะต้องดูจากค าให้การที่ขัดกันเองนั้นว่าเป็นค าให้การรับหรือปฏิเสธ
                  ฟ้องโจทก์ (ฎีกาที่ ๖๐๙/๒๕๓๐) จ าเลยให้การตอนแรกว่าจ าเลยท าสัญญากู้เงินโจทก์จริงแต่ท าขึ้น


                  เพื่อเป็นประกันการที่โจทก์ให้จ าเลยเป็นตัวแทนน าเงินไปให้ผู้อื่นกู้  จ าเลยไม่ได้รับเงินตาม

                  สัญญากู้  เป็นการปฏิเสธว่ามิได้กู้เงินจากโจทก์  แต่ค าให้การตอนหลังจ าเลยให้การว่า  หากฟังว่า

                  จ าเลยกู้เงินโจทก์จริง จ าเลยได้ช าระเงินแก่โจทก์แล้ว เป็นการรับว่าจ าเลยกู้เงินโจทก์จริง

                  ค าให้การของจ าเลยจึงขัดแย้งกัน จ าเลยมิได้ปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์โดยชัดแจ้งว่าจ าเลยไม่ได้ท า

                  สัญญากู้เงินโจทก์ จึงเป็นค าให้การที่ไม่ชอบ ถือว่าจ าเลยได้ยอมรับตามข้ออ้างของโจทก์ (ฎีกาที่

                  ๒๖๓๑/๒๕๓๖) จ าเลยทั้งสามอ้างว่าสัญญากู้และสัญญาค ้าประกันที่โจทก์น ามาฟ้องเป็น

                  สัญญาปลอม โดยไม่อ้างเหตุว่าปลอมอย่างไร เป็นค าให้การที่มิได้ให้เหตุผลแห่งการปฏิเสธโดยชัดแจ้ง

                  ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา ๑๗๗ วรรคสอง จ าเลยทั้งสามไม่มีสิทธิน าพยานหลักฐานเข้าสืบตาม

                  ข้อต่อสู้ (ฎีกาที่ ๓๔๖๔/๒๕๓๗)หรือไม่มีประเด็นที่จะต้องน าสืบ(ฎีกาที่ ๕๙๓๒/๒๕๓๘)

                  โจทก์ฟ้องว่า ศ. ท าสัญญากู้ยืมเงินจากโจทก์ ๓๐๐,๐๐๐ บาท ศ.รับเงินไปครบถ้วนแล้วไม่ช าระหนี้

                  จ าเลยซึ่งเป็นทายาทของ ศ. ให้การว่า ศ. ไม่เคยท าสัญญากู้ยืมเงินและรับเงินไปจากโจทก์  สัญญา

                  กู้ยืมเงินตามฟ้องเป็นเอกสารปลอม  หากฟังได้ว่า ศ. ท าสัญญากู้ยืมเงินก็ไม่อาจน ามาเป็นมูลฟ้อง

                  จ าเลยได้เพราะ ศ. ถูกข่มขู่บังคับให้ท าสัญญากู้ยืมเงินโดยปราศจากมูลหนี้  ค าให้การดังกล่าวตอนแรก

                  ปฏิเสธว่า ศ. ไม่ได้ท าสัญญา  แต่ตอนหลังกลับให้การว่า ศ. ท าสัญญาเพราะถูกข่มขู่บังคับ

                  จึงเป็นค าให้การที่ขัดแย้งกัน ไม่แน่นอนว่า ศ.ท าสัญญากูยืมเงินหรือไม่  ถือไม่ได้ว่าเป็นค าให้การ

                  ที่ชัดแจ้ง  ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา ๑๗๗ วรรคสอง จึงไม่มีประเด็นน าสืบตามข้อต่อสู้

                  แต่ค าให้การดังกล่าวเป็ นที่เข้าใจได้ว่าจ าเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์  คดีจึงยังไม่มีประเด็น
   106   107   108   109   110   111   112   113   114   115   116