Page 196 - สรป 4Y กมธ กิจการเด็กฯ ชุด 25
P. 196
หน้า ๑๘๔ ส่วนที่ ๓
พิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาการบริจาคโลหิตของผู้มีความหลากหลายทางเพศ
คณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์และผู้มีความหลากหลาย
้
ิ
ิ
ื่
ทางเพศ ได้พจารณาเรื่องที่สมาคมฟาสีรุ้งแห่งประเทศไทย ได้ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการ เพอพจารณา
หาแนวทางในการให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศได้เข้าถึงสิทธิที่ประสงค์จะบริจาคโลหิต และเพอให้การ
ื่
ิ
ิ
พจารณาเป็นไปอย่างรอบคอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้มีประสบการณ์ในประเด็นที่พจารณา จึงมอบหมายให้
คณะอนุกรรมาธิการเพอพจารณาศึกษาปัญหาด้านเด็ก เยาวชน สตรี และผู้มีความหลากหลายทางเพศ
ิ
ื่
ด าเนินการต่อไป โดยเชิญผู้ยื่นหนังสือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมให้ข้อมูล และข้อคิดเห็นประกอบ
การพจารณา ประกอบด้วยสภากาชาดไทย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการแห่งชาติ
ิ
ว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ และคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติ
โดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ตลอดจนศึกษาจากเอกสารงานวิจัย ข้อมูลเชิงสถิติ กฎหมายทั้งภายในและ
ต่างประเทศ อีกทั้งข้อตกลงต่าง ๆ ที่ประเทศไทยร่วมเป็นภาคี เพื่อให้ได้ข้อมูลอย่างรอบด้าน โดยอาศัยหลัก
แนวคิดมาเป็นองค์ประกอบการพิจารณา ประกอบด้วย (๑) การบริจาคโลหิตเป็นสิทธิและต้องไม่ถูกเลือกปฏิบัติ
หรือเป็นหน้าที่ของบุคคล (๒) ระยะปลอดภัยในกระบวนการบริจาคโลหิต (๓) ภาษาที่ใช้ในแบบสอบถาม
และการคัดกรองบุคคลผู้แสดงเจตนาบริจาคโลหิต (๔) การวิจัยและสถิติที่เกี่ยวข้องกับระบาดวิทยาด้าน
เอชไอวีที่สร้างภาพเหมารวมต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศ (๕) อคติในสังคมที่มีต่ออัตลักษณ์ทางเพศ
(๖) แนวทางการปรับปรุงคุณสมบัติของผู้บริจาคโลหิตโดยอาศัยค าแนะน าเชิงนโยบายจากคู่มือ Blood Donor
Selection. Guidelines on Assessing Donor Suitability for Blood Donation 2012 ขององค์การอนามัยโลก
เพื่อให้โลหิตที่รับบริจาคมีความปลอดภัยสูงสุด (๗) ความต้องการโลหิตส ารองในประเทศไทย และ (๘) กฎหมาย
ที่เกี่ยวข้องที่เป็นการปกป้องคุ้มครองสิทธิของบุคคลมิให้ถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมขณะเดียวกัน
เพื่อมุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยของเลือดเป็นประการส าคัญด้วยเช่นกัน
เมื่อได้พิจารณาแล้วมีข้อสังเกตถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
๑. ให้สภากาชาดไทยและเครือข่ายกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศสร้างความเข้าใจ
ต่อสังคมว่าการบริจาคโลหิตต้องเป็นไปตามหลักการมนุษยธรรม และกระทรวงศึกษาธิการ ควรเพมเติม
ิ่
บทเรียนหลักการมนุษยธรรม และการบริจาคโลหิตว่าเป็นเรื่องของมนุษยธรรมและความมั่นคงของมนุษย์
ื่
ั
๒. สภากาชาดไทยและหน่วยงานกระทรวงสาธารณสุขควรท างานร่วมกันเพอพฒนาหา
เทคโนโลยีทางการแพทย์ด้านการตรวจหาระยะปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
๓. แบบสอบถามในการบริจาคโลหิตของสภากาชาดไทย ควรเป็นการสอบถามถึงพฤติกรรม
ั
ความเสี่ยงทางเพศสัมพนธ์ของผู้บริจาคโลหิต ไม่ควรตัดสินที่อัตลักษณ์ทางเพศและเพศวิถี กระบวนการ
ปรับแก้ไขถ้อยค าหรือการใช้ภาษาในแบบสอบถาม สภากาชาดไทยควรปรึกษาหารือกับเครือข่ายกลุ่มผู้มี
ความหลากหลายทางเพศ เพื่อหาถ้อยค าและระบบการคัดกรองที่เหมาะสม
๔. สภากาชาดไทยหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวิจัยและสถิติทางระบาดวิทยาด้านเอชไอวี/
เอดส์ เมื่อมีการเผยแพร่ผลการศึกษาดังกล่าวต่อสาธารณะต้องหลีกเลี่ยงการตีตราและการเลือกปฏิบัติต่อ
กลุ่มประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เป้าหมายในการเผยแพร่ผลการวิจัยจึงควรเป็นข้อมูลทางการแพทย์
และข้อมูลการพฒนาและแก้ไขปัญหาเท่านั้น ในด้านการบริการการรับบริจาคโลหิตของสภากาชาดไทย
ั
ื่
ต้องใช้ข้อมูลพฤติกรรมทางเพศสัมพนธ์ในระดับบุคคล (Individual sexual behavior) เพอไม่ให้เป็นการ
ั
สร้างภาพเหมารวมต่อประชากรกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง