Page 199 - สรป 4Y กมธ กิจการเด็กฯ ชุด 25
P. 199

ส่วนที่ ๓                                                                           หน้า ๑๘๗



               ต่อ ๑๐๐,๐๐๐ คน ซึ่งมีสถิติสูงกว่าในหลาย ๆ ประเทศ และไม่ได้มีการบันทึกว่าติดจากช่องทางใด เป็นแต่

               เพียงการเก็บสถิติเท่านั้น
                             ในการบริจาคโลหิตนั้นจะเป็นการก าหนดขั้นตอนในการบริจาคโดยสภากาชาดไทย โดยมี

               ล าดับการคัดกรอง คือ
                             ๑. คัดกรองตนเองโดยตอบแบบสอบถามเบื้องต้น
                             ๒. คัดกรองโดยแพทย์ในการซักประวัติ

                             ๓. การคัดกรองโลหิต โดยจะเป็นการตรวจคัดกรองร่องรอยโรค กรุ๊ปโลหิต
                             ๔. ลงระบบทะเบียนของผู้บริจาคโลหิต โดยข้อมูลจะต้องสามารถตรวจสอบได้

                           ๓. มูลนิธิเข้าถึงเอดส์
                             กรณีแบบสอบถามส าหรับผู้บริจาคโลหิตของสภากาชาดไทยในค าถามเรื่องประวัติด้าน
                                                                              ั
                       ั
               เพศสัมพนธ์ ได้แก่ ค าถามข้อ ๑๓ ท่านหรือคู่ของท่านเคยมีเพศสัมพนธ์กับผู้ที่ไม่ใช่คู่ตนเอง ผู้ที่ท างาน
               บริการทางเพศ ผู้เสพยาเสพติด ผู้ที่อาจติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ข้อ ๑๔ ท่านเคยใช้
                                                                                            ั
               ยารักษาหรือป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี และข้อ ๑๕ ท่านเป็นเพศชายที่เคยมีเพศสัมพนธ์กับเพศชาย นั้น
                                          ั
               ในเรื่องเกี่ยวกับการมีเพศสัมพนธ์เป็นค าถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลและเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน
               จึงไม่ควรน ามาใส่ไว้ในแบบสอบถามการรับบริจาคโลหิต
                             ส าหรับปัญหาความกังวลเรื่องรับบริจาคโลหิตของผู้มีความหลากหลายทางเพศจะเสี่ยงต่อ

               การติดเชื้อเอชไอวีนั้น สภากาชาดไทยควรให้ความรู้แก่ประชาชนถึงพฤติกรรมความเสี่ยงในการติดเชื้อ
               เอชไอวีก่อนการบริจาคโลหิตมากกว่าที่จะคัดกรองการรับบริจาคโลหิตด้วยค าถามดังกล่าวเช่นนี้ นอกจากนี้

               ในขั้นตอนการรับบริจาคโลหิตสภากาชาดไทยจะมีการตรวจหาเชื้อเอชไอวีก่อนการน าโลหิตไปใช้อยู่แล้ว
               ซึ่งมีเทคโนโลยีการตรวจที่มีมาตรฐานและความแม่นย าเกือบร้อยละ ๙๙ โดยที่ผ่านมา พบว่ามีโลหิตที่ติดเชื้อ

               เอชไอวีน้อยมาก การปฏิเสธไม่รับบริจาคโลหิตของผู้มีความหลากหลายทางเพศทั้งหมดเป็นการตีตรา
               และเหมารวม ดังนั้น ในความคิดเห็นของผู้ให้ข้อมูลว่าควรยกเลิกกฎเกณฑ์และค าถามในแบบสอบถามดังกล่าวนี้
                                    ื่
               โดยมีเป้าหมายหลักเพอสนับสนุนให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศสามารถบริจาคโลหิตได้ เนื่องจากหาก
               ผู้บริจาคโลหิตทุกคนสามารถประเมินตนเองถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ได้ ประกอบกับการมีระบบคัดกรอง
               และตรวจหาเชื้อที่ดีและเท่าเทียม ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่า

                           ๔. คณะอนุกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิด้านเอดส์
                             บทบาทหน้าที่ของคณะอนุกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ อยู่ภายใต้
               คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

               โดยต าแหน่ง ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวมีคณะอนุกรรมการ ๗ ชุด เป็นกลไกขับเคลื่อนงานเชิงนโยบาย
               ให้บรรลุเป้าหมายแผนยุติปัญหาเอดส์ประเทศไทยตามยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์

               พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๓ โดยมีเป้าหมายหลัก ๓ ประการ ได้แก่ (๑) ลดการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ให้เหลือ
               ปีละไม่เกิน ๑,๐๐๐ ราย (๒) ลดการเสียชีวิตในผู้ติดเชื้อเอชไอวีเหลือปีละไม่เกิน ๔,๐๐๐ ราย และ
               (๓) ลดการเลือกปฏิบัติอันเกี่ยวเนื่องจากเอชไอวี และเพศภาวะลงร้อยละ ๙๐ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีสถิติ

               ผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ปีละประมาณ ๖,๐๐๐ ราย มีสถิติผู้เสียชีวิตในผู้ติดเชื้อเอชไอวีปีละประมาณ
               ๑๒,๐๐๐ ราย และจากการส ารวจทัศนคติของประชากรไทยต่อการอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี เมื่อปี ๒๕๕๗

               พบว่า ประชากรกว่าร้อยละ ๕๘.๖ ยังคงมีการรังเกียจและไม่ยอมรับการอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี
   194   195   196   197   198   199   200   201   202   203   204