Page 54 - สรป 4Y กมธ กิจการเด็กฯ ชุด 25
P. 54

หน้า ๔๒                                                                              ส่วนที่ ๓



                           คณะกรรมาธิการส ารวจกฎหมายภายในประเทศที่เกี่ยวข้องแล้ว พบว่า “ระเบียบส านัก

               นายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการคัดกรองคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรและไม่สามารถเดินทางกลับประเทศ
               อันเป็นภูมิล าเนาได้ พ.ศ. ๒๕๖๒” เป็นกฎหมายที่ให้การคุ้มครองคนต่างด้าวที่เข้ามาในประเทศไทยและไม่

               สามารถเดินทางกลับประเทศอันเป็นภูมิล าเนาได้ เนื่องจากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเมื่อถูกส่งกลับออกไป
               นอกราชอาณาจักรแล้วจะได้รับอันตรายจากการถูกประหัตประหาร โดยให้ความคุ้มครองทั้งเด็กและผู้ใหญ่
               แต่ประเทศไทยยังไม่ให้การรับรองสถานะผู้ลี้ภัย ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วรัฐบาลยังถือให้การด าเนินการ

                                ิ
                                        ิ
               บางอย่างเป็นดุลพนิจ โดยพจารณาได้จากหมวด ๒ การคัดกรองผู้ได้รับการคุ้มครอง ข้อ ๑๕ ที่ก าหนดให้
               “ในระหว่างการด าเนินการตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองหรือตามระเบียบนี้ หากพนักงานเจ้าหน้าที่
               พบคนต่างด้าวที่อ้างตนว่ามีเหตุสมควรจะเป็นผู้ได้รับการคุ้มครอง ให้ชะลอการส่งตัวคนต่างด้าวนั้น
               ออกไปนอกราชอาณาจักร เว้นแต่มีเหตุที่จะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ” ซึ่งค าว่า “ชะลอ” หรือ
               “Delay” ยังไม่เป็นไปตามหลักการ Non - refoulement เพราะเจตนารมณ์ของหลักการดังกล่าวเป็นไป

               เพื่อไม่ให้ส่งตัวคนต่างด้าวออกนอกราชอาณาจักร ถ้าคนต่างด้าวนั้นจะมีภัยจากการประหัตประหาร
                           นอกจากนี้ ในข้อ ๒๐ ก าหนดให้ “คณะกรรมการพจารณาคัดกรองค าขอเป็นผู้ได้รับการคุ้มครอง
                                                                      ิ
                             ์
               ตามหลักเกณฑ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศก าหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
                                                                                                 ิ
               ทั้งนี้ ให้ค านึงถึงหลักความเป็นเอกภาพของครอบครัว สิทธิในการได้รับความช่วยเหลือในการพจารณาค าขอ
                                                                                           ิ
                 ั
               พนธกรณีระหว่างประเทศ และนโยบายตามมติคณะรัฐมนตรีประกอบด้วย” ซึ่งเมื่อพจารณาสาระส าคัญ
               ของระเบียบส านักนายกรัฐมนตรีฉบับดังกล่าวแล้วจะเห็นได้ว่า ระเบียบดังกล่าวยังไม่รองรับการปฏิบัติตาม
               พนธกรณีตามหลักการ Non - Refoulement ฉะนั้น ในเมื่อประเทศไทยยังไม่มีกฎหมาย กฎ ระเบียบ
                 ั
                                        ื่
               หรือแนวปฏิบัติที่ชัดเจนเพอปฏิบัติตามหลักการ Non - Refoulement การที่จะถอนข้อสงวนข้อที่ ๒๒
               จะส่งผลให้ประเทศไทยไม่มีข้ออ้างที่ชอบธรรมในการป้องกันประเทศจากภัยที่กระทบต่อความมั่นคง

               ของประเทศ ดังนั้น จึงเห็นว่าควรมีการทบทวนบทบัญญัติในระเบียบส านักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการคัดกรอง
               คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรและไม่สามารถเดินทางกลับประเทศอันเป็นภูมิล าเนาได้ พ.ศ. ๒๕๖๒
               โดยควรมีการระบุให้ชัดเจนเกี่ยวกับหลักการ Non - Refoulement ของเด็กต่างด้าวที่เดินทางเข้ามา

               ภายในประเทศเพื่อขอสถานะผู้ลี้ภัย
                                                          ื่
                           คณะกรรมาธิการจึงได้จัดสัมมนาเพอแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่อง “ความ
               เป็นไปได้และข้อห่วงใยในการถอนข้อสงวนในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ข้อที่ ๒๒” ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันอังคารที่
               ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ มีข้อสรุปทั้งสิ้น ๑๐ ประการ ดังต่อไปนี้
                             ๑. ปัจจุบันมีผู้ลี้ภัยหรือผู้หนีภัยจากการสู้รบหรือผู้พลัดถิ่นราวแสนคน จ าแนกเป็นอยู่ในค่าย

                            ั
                                                ั
                               ิ
               ผู้ลี้ภัยหรือที่พกพงชั่วคราวหรือที่พกรอประมาณ ๙๐,๐๐๐ กว่าคน และอยู่ในเมือง ๕,๐๐๐ กว่าคน
                                                                                    ั
                                                                                       ิ
               ซึ่งจ านวนดังกล่าวไม่รวมถึงจ านวนผู้ลี้ภัยหรือผู้หนีภัยสงครามที่ไม่ได้อยู่ในที่พกพง (ซึ่งองค์กรภาคเอกชน
               ได้มีการประเมินไว้ว่าอาจจะมีจ านวนถึง ๓ แสนคน)
                             ๒. ประเทศไทยปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยรวมทั้งเด็กลูกผู้ลี้ภัย ตามหลักสากล ๓ ประการ คือ
               (๑) รับผู้ลี้ภัยให้ปลอดภัย โดยไม่ผลักดันหรือส่งกลับไปสู่อันตรายหรือความตาย (๒) ให้ปัจจัยสี่ และ

               (๓) ให้อยู่ชั่วคราว โดยไม่ลงโทษกุมขัง
   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58   59