Page 84 - Proceeding of Atrans Young Researcher's Forum 2019_Neat
P. 84
“Transportation for A Better Life:
Smart Mobility for Now and Then”
23 August 2019, Bangkok, Thailand
การศึกษา กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยมากกว่าก่อนการทดลอง อย่างมี รถจักรยานยนต์ การรับรู้โอกาสเสี่ยงของการเกิดอุบัติภัยจราจรจาก
นัยส าคัญทางสถิติ (p < 0.001) (ดังตารางที่ 1) เนื่องจากได้รับโปรแกรม รถจักรยานยนต์ ความคาดหวังในความสามารถของตนเองต่อพฤติกรรม
สุขศึกษาร่วมกับแอพพลิเคชั่นไลน์เพื่อเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ การป้องกันอุบัติภัยจราจรจากรถจักรยานยนต์ ความคาดหวังใน
ในการป้องกันอุบัติภัยจากการจราจรรถจักรยานยนต์ ซึ่งสอดคล้องกับ ประสิทธิผลของการตอบสนองต่อพฤติกรรมการป้องกันอุบัติภัยจราจร
การศึกษาของ ชุติมา เจียมใจ (2558) ได้ศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรม จากรถจักรยานยนต์ ความตั้งใจในการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันอุบัติภัยจราจร
สุขศึกษาเพื่อพัฒนาความรอบรู้ทางสุขภาพโดยการจัดการเรียนรู้ แบบ จากรถจักรยานยนต์ การปฏิบัติในการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ปลอดภัย
ร่วมมือร่วมใจ ในการสร้างเสริมพฤติกรรมการขับขี่รถจักรยานยนต์อย่าง และถูกต้องตามกฎจราจร สูงกว่าก่อนการทดลอง สูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ
ปลอดภัย ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนเบญจมเทพ อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ (p < 0.001)
อุทิศจังหวัดเพชรบุรี และจากการศึกษาพบว่า ภายหลังการทดลองกลุ่ม 3.2 ผลประเมินความพึงพอใจในการใช้สติ๊กเกอร์ไลน์เพื่อสร้างเสริมการ
ทดลองมีค่าเฉลี่ยคะแนนความรอบรู้ทางสุขภาพ ทั้ง 6 ด้าน เพิ่มขึ้นอย่างมี ปฏิบัติตนในการป้องกันอุบัติภัยจากการจราจรรถจักรยานยนต์ของวัยรุ่น
นัยส าคัญทางสถิติ (p < 0.001) และสูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมี นอกระบบการศึกษา ภายในกลุ่มทดลอง หลังการทดลองใช้สติ๊กเกอร์
นัยส าคัญทางสถิติ (p < 0.001) “ขับขี่ปลอดภัย”
สมมติฐานข้อที่ 2 ภายหลังการทดลองโปรแกรมสุขศึกษา 1. ระดับความพึงพอใจในการใช้สติ๊กเกอร์ไลน์ “ขับขี่
ร่วมกับการใช้แอพพลิเคชั่นไลน์เพื่อเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพใน ปลอดภัย” ด้านรูปลักษณ์ของสติ๊กเกอร์ไลน์ พบว่า กลุ่มทดลองส่วนใหญ่
การป้องกันอุบัติภัยจากการจราจรรถจักรยานยนต์ของวัยรุ่นนอกระบบ มีความพึงพอใจในการใช้สติ๊กเกอร์ไลน์เพื่อสร้างเสริมการปฏิบัติตนใน
การศึกษากลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยมากกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ การป้องกันอุบัติภัยจากการจราจรรถจักรยานยนต์ด้านรูปลักษณ์ของ
จากผลการวิจัยพบว่า ภายหลังการทดลองโปรแกรมสุขศึกษา สติ๊กเกอร์ไลน์ในระดับสูง ร้อยละ 100 ( X = 4.53, S.D. = 0.14)
ร่วมกับการใช้แอพพลิเคชั่นไลน์เพื่อเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพใน 2. ระดับความพึงพอใจในการใช้สติ๊กเกอร์ไลน์ “ขับขี่
การป้องกันอุบัติภัยจากการจราจรรถจักรยานยนต์ของวัยรุ่นนอกระบบ ปลอดภัย”ด้านรูปลักษณ์ของสติ๊กเกอร์ไลน์ จ าแนกตามองค์ประกอบ
การศึกษา กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยมากกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ อย่างมี พบว่า กลุ่มทดลองมีความพึงพอใจในการใช้สติ๊กเกอร์ไลน์เพื่อสร้างเสริม
นัยส าคัญทางสถิติ (p < 0.001) (ดังตารางที่ 2) โดยกลุ่มทดลอง หลังการ การปฏิบัติตนในการป้องกันอุบัติภัยจากการจราจรรถจักรยานยนต์ทุก
ทดลองมีทักษะความรู้ ความเข้าใจ การเข้าถึงข้อมูลและบริการด้าน ด้านในระดับสูงโดยมีความพึงพอใจด้านภาษาที่ใช้บนสติ๊กเกอร์มีความ
สุขภาพ การสื่อเพื่อเสริมสร้างการปฏิบัติตน การตัดสินในในการปฏิบัติ เหมาะสมมากที่สุด ( X = 4.64, S.D.= 0.49) รองลงมา คือ การออกแบบ
ตน การจัดการตนเองในการป้องกันอุบัติภัย การรู้เท่าทันสื่อในการ สติ๊กเกอร์ไลน์ดูทันสมัย ( X = 4.62, S.D.= 0.49) และการออกแบบ
ป้องกันอุบัติภัย และพฤติกรรมการปฏิบัติตนในการป้องกันอุบัติภัยจาก สติ๊กเกอร์ไลน์ดูสวยงาม ( X = 4.56, S.D.= 0.50)
การจราจรรถจักรยานยนต์ เนื่องจากได้รับโปรแกรมสุขศึกษาร่วมกับ 3. ระดับความพึงพอใจในการใช้สติ๊กเกอร์ไลน์ “ขับขี่
แอพพลิเคชั่นไลน์เพื่อเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพในการป้องกัน ปลอดภัย” ด้านความมีเอกลักษณ์ของสติ๊กเกอร์ไลน์ พบว่า กลุ่มทดลอง
อุบัติภัยจากการจราจรรถจักรยานยนต์ ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของ ส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในการใช้สติ๊กเกอร์ไลน์เพื่อสร้างเสริมการ
ชุติมา เจียมใจ (2558) ได้ศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมสุขศึกษาเพื่อ ปฏิบัติตนในการป้องกันอุบัติภัยจากการจราจรรถจักรยานยนต์ด้านความ
พัฒนาความรอบรู้ทางสุขภาพโดยการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือร่วมใจ มีเอกลักษณ์ของสติ๊กเกอร์ไลน์ในระดับสูง ร้อยละ 100 ( X = 4.57,
ในการสร้างเสริมพฤติกรรมการขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย ของ S.D. = 0.24)
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศจังหวัด 4. การศึกษาระดับความพึงพอใจในการใช้สติ๊กเกอร์ไลน์ “ขับ
เพชรบุรี และจากการศึกษาพบว่า ภายหลังการทดลองกลุ่มทดลองมี ขี่ปลอดภัย” ด้านรูปลักษณ์ของสติ๊กเกอร์ไลน์ จ าแนกตามองค์ประกอบ
ค่าเฉลี่ยคะแนนความรอบรู้ทางสุขภาพ ทั้ง 6 ด้าน เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยส าคัญ พบว่า กลุ่มทดลองมีความพึงพอใจในการใช้สติ๊กเกอร์ไลน์เพื่อสร้างเสริม
ทางสถิติ (p < 0.001) และสูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยส าคัญทาง การปฏิบัติตนในการป้องกันอุบัติภัยจากการจราจรรถจักรยานยนต์ทุก
สถิติ (p < 0.001) และการศึกษาของ กานต์พิชชา หนูบุญ และพรรณี ด้านในระดับสูงโดยมีความพึงพอใจด้านสติ๊กเกอร์ไลน์มีเอกลักษณ์
บัญชรหัตถกิจ (2557) ศึกษาผลของโปรแกรมสุขศึกษาในการป้องกัน เฉพาะตัวมากที่สุด ( X = 4.79, S.D.= 0.41) รองลงมา คือ สติ๊กเกอร์ไลน์
อุบัติภัยจราจรจากรถจักรยานยนต์ของนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี มีลักษณะโดดเด่น ( X = 4.49, S.D.= 0.51) และสติ๊กเกอร์ไลน์มีลักษณะ
ราชมงคลอีสาน นครราชสีมา และจากการศึกษาพบว่า ภายหลังการ เฉพาะตัว ( X = 4.44, S.D.= 0.50)
ทดลองกลุ่มทดลองมีคะนนเฉลี่ยของด้านความรู้ในการป้องกันอุบัติภัย
จราจรจากรถจักรยานยนต์ การรับรู้ความรุนแรงของอุบัติภัยจราจรจาก
59