Page 38 - รายงานวิจัยน้ำทะเล_Neat
P. 38
28
จากบทความเรื่อง “เครือข่าย: จุดหักเหแห่งการรวมตัว” (วารสารสังคมพัฒนา, 2534
อ้างโดย ปาริชาติ วลัยเสถียร และคณะ, 2546) ได้อธิบายถึงความจ าเป็นในการสร้างเครือข่ายองค์กร
ชาวบ้านว่า เครือข่ายจัดเป็นเครื่องมือหนึ่งในการพัฒนาชุมชน เนื่องจากกระบวนการกลุ่มเป็นเวทีที่
ชี้ชวนให้ชาวบ้านได้แสดงศักยภาพและภูมิปัญญาของตน รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการท างานอย่าง
เต็มที่ จนบางองค์กรให้ความส าคัญกับชาวบ้านในฐานะเป็นนักพัฒนาคนหนึ่งโดยทีเดียว การเปิดกว้าง
เช่นนี้ได้มีส่วนในการกระตุ้นเร้าให้ชาวบ้านเกิดส านึกที่จะพัฒนาศักยภาพตนเอง เพื่อน าไปสู่การ
พึ่งตนเองได้ในที่สุด
องค์กรพัฒนาทั้งของภาครัฐและเอกชน ต่างให้ความสนใจต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาใน
รูป “เครือข่าย” ซึ่งแต่ละองค์กรมีนโยบายและวิธีการท างานที่ต่างกันไปตามลักษณะขององค์กรและ
กลุ่มชาวบ้าน ทว่าเปูาหมายของการท างานยืนอยู่บนจุดเดียวกันคือ “การเน้นให้ชาวบ้านสามารถ
ยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของตนให้ดีขึ้น และสร้างพลังอ านาจการต่อรองระหว่างเครือข่ายกับ
กลุ่มภายนอก ทั้งในระดับปัจเจกชนและระดับนโยบาย”
บทความดังกล่าวสอดคล้องกับการน าเสนอบทสรุปขององค์กรพัฒนาเอกชนขนาดเล็ก
ซึ่ง อเนก นาคะบุตร (2533) ได้อธิบายเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การโยงใยเครือข่ายชาวบ้านว่า องค์กร
พัฒนาเอกชนได้เน้นการเชื่อมโยงตัวบุคคล ซึ่งเป็นวิทยากรชาวบ้านหรือผู้น าการพัฒนาที่มีพื้นฐาน
ประสบการณ์และความสนใจในเรื่องเดียวกัน ควบคู่ไปกับการประสานให้เกิดการแลกเปลี่ยนหมุน
ช่วยในทรัพยากรด้านอื่นๆ เข้าด้วยกันเป็น “เครือข่ายท้องถิ่น” ภายใต้สภาพทางภูมิศาสตร์ และ
กระแสการเคลื่อนไหวของชาวบ้านและท้องถิ่นที่ส าคัญ ในอดีตที่ผ่านมาได้เกิดการรวมตัวของ
เครือข่ายองค์กรชาวบ้าน เช่น กลุ่มปุาชุมชนของภาคอีสาน กลุ่มเลี้ยงวัวระหว่างหมู่บ้าน เครือข่าย
พระนักพัฒนาภาคอีสาน เครือข่ายเกษตรกรที่ท าการเกษตรผสมผสาน เป็นต้น
ในการเชื่อมประสานและโยงใยเครือข่ายชาวบ้าน ยุทธศาสตร์ที่ส าคัญคือ การค้นหา
แสวงหา วิทยากรชาวบ้าน ผู้รู้หรือปัญญาชนชาวบ้านที่มีสติปัญญา “แม่แบบ” เป็น “แกนหรือแม่ข่าย”
ในการขยายผลประสบการณ์ในเรื่องดังกล่าวไปสู่ชาวบ้านคนอื่นๆ ด้วยวิธีการพามาดูงานมาสังสรรค์
ผ่านงานบุญ งานฝึกอบรมหรือการท าโครงการเครือข่ายร่วมกัน
ในส่วนของการเกิดขึ้นหรือการรวมตัวเป็นเครือข่าย จากกรณีศึกษาการรวมตัวเป็นเครือข่าย
ชาวบ้านภาคอีสานในอดีตของ สัมพันธ์ เตชะอธิก และคณะ (2537) พบว่าเครือข่ายอาจเกิดขึ้นได้ใน
2 แบบคือ
1) เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เครือข่ายที่เป็นสายใยของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ในอดีต
นั้นเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ซึ่งความสัมพันธ์นี้อาจเนื่องมาจากมีสายสัมพันธ์ทางเครือญาติกัน หรือมี
ความเชื่อถืออย่างเดียวกัน เป็นครูเป็นศิษย์กัน หรือเคยแลกเปลี่ยนผลผลิตระหว่างกัน
2) เกิดขึ้นโดยการจัดตั้ง การเกิดขึ้นของเครือข่ายที่เกิดจากการจัดตั้งอาจเกิดขึ้นจาก
ความพร้อม และความต้องการของผู้น าและเครือข่ายเอง ในบางกรณีเกิดจากการต่อรองขององค์กร
ภายนอกที่เข้าไปจัดตั้งกลุ่ม เพื่อให้เกิดเครือข่าย
ด้านการพัฒนาชุมชนในเมือง สิน สื่อสวน (2530) ได้อธิบายถึงความจ าเป็นในการรวมตัว
กันเป็นองค์กรเครือข่ายของชุมชนเมืองว่า “บางคนคิดว่าไม่จ าเป็นต้องรวมตัวกัน ต่างกันต่างอยู่แหละ
ดี ไม่ต้องมีเรื่องยุ่ง ความคิดนี้อาจจะถูก ถ้าเขามีชีวิตที่พร้อมสมบูรณ์ ไม่เคยมีปัญหาหรือมีก็แก้ได้หมด