Page 12 - GEH1101-เอกสารประกอบการเรียนการสอน-unit1
P. 12
สุนทรียภาพกับชีวิต
หมายถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากผู้สร้าง เช่น โต๊ะเกิดมาจากช่างไม้ เด็กชายเกิดมาจากพ่อ และ
อันตปัจจัย (final cause) หมายถึงสภาวะสิ้นสุดของเหตุการณ์แห่งปัจจัย เช่น สภาวะสิ้นสุดของ
เมล็ดพืชคือการเป็นต้นไม้ สภาวะสิ้นสุดของลูกบอลที่กลิ้งจากที่สูงชันลงไปหยุดอยู่ที่ต ่าสุด อนึ่ง ค า
ว่า ปัจจัย (cause) นั้น แอริสทอเทิลหมายถึง ค าอธิบายที่ให้ความหมายของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง(an
explanation that accounts for something) เช่น X เป็นปัจจัยของ Y หมายความว่า X อธิบาย
[20]
ความหมายของ Y อย่างไรก็ตาม อิมมานูเอิล คานท์ ได้วิจารณ์เรื่องแนวคิดเกี่ยวกับ the beautiful
และ the sublime ของเอ็ดมันด์ เบิร์ค ว่าปราศจากความเข้าใจปัจจัยต่างๆด้านผลกระทบทางจิต ที่
เกิดขึ้นในประสบการณ์เกี่ยวกับสภาวะความงามและสภาวะสูงส่งล ้าเลิศยิ่งใหญ่ เขากล่าวว่าเอ็ด
มัน เบิร์คเป็นเพียงผู้รวบรวมข้อมูลเข้าไว้ด้วยกันเพื่อรอให้นักคิดในอนาคตน าไปอธิบายขยายความ
[21] หมายความว่าเอ็ดมันด์ เบิร์คมิได้อธิบายรายละเอียดของค าสองค าดังกล่าวไว้อย่างกระจ่าง
ชัดเจนในข้อเขียนของเขาดังกล่าวข้างต้น
ดังนั้น เมื่อกล่าวโดยสรุปถึงความแตกต่างระหว่างสุนทรียศาสตร์และ
สุนทรียภาพ สามารถอธิบายได้ว่าสุนทรียศาสตร์เป็นวิชาที่ศึกษาถึงคุณค่าและความส าคัญของ
ศิลปะ โดยให้ความส าคัญด้านความงามและการตอบสนองรับรู้ด้วยสัมผัสต่อวัตถุธรรม ซึ่ง
แตกต่างจากสุนทรียภาพที่ให้ความส าคัญด้านการรู้สึกสัมผัสรับรู้ต่อความงามในธรรมชาติหรืองาน
ศิลปะ กล่าวคือบุคคลสามารถเข้าถึงประสบการณ์สุนทรียภาพผ่านการรู้สึกสัมผัสรับรู้ที่อยู่
นอกเหนือเจตจ านงแห่งตน จนบรรลุถึงสภาวะอันสูงส่งล ้าเลิศและสภาวะงามของวัตถุธรรมได้
เรื่องที่ 1.1.3 ค านิยามของศิลปะและความงาม
เนื้อหาเกี่ยวกับค านิยามของศิลปะและความงามน าเสนอให้เห็นความหมายของ
ค าว่า “ศิลปะ” และ ค าว่า “ความงาม” ในด้านที่เป็นประวัติศาสตร์ของแนวคิดเกี่ยวกับค าทั้งสอง
ว่ามีความเป็นมายาวนานและยังมีปัญหาที่ไม่พบค าตอบเหมาะสมส าหรับค าสองค าดังกล่าว ทั้งนี้
นักวิชาการศิลปะมีความเห็นว่าปัญหานั้นน่าจะเกิดและเป็นไปตามแนวคิดเรื่องทฤษฎีเกมภาษา
(language game) นอกจากนั้นศิลปะยังได้ก้าวข้ามแนวคิดเรื่องความงามไปสู่แนวคิดอื่นที่เป็น
คุณค่าแบบใหม่แก่ศิลปะด้วย
1.1.3.1 ค านิยามของศิลปะ
ศิลปะและความงามเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์ นับตั้งแต่ผู้คน
เริ่มรู้จักการเลิกใช้ชีวิตเป็นอยู่ตามสภาวะธรรมชาติ ซึ่งอาจเริ่มนับจากการเลิกเข้าป่าล่าสัตว์หาของ
ป่า (hunting and gathering) เมื่อ 12,500 ป ีที่แล้ว ซึ่งเป็นสมัยวิวัฒนาการยุคหินใหม่หรือสมัย
วิวัฒนาการการเพาะปลูก (Neolithic Revolution or Neolithic Demographic Transition or
12