Page 16 - GEH1101-เอกสารประกอบการเรียนการสอน-unit1
P. 16

สุนทรียภาพกับชีวิต








                       ความสัมพันธ์ที่ตัวงานมีต่อสิ่งอื่นนอกตัวงาน ดังนั้น กล่าวได้ว่าคุณสมบัติศิลปะเป็นคุณสมบัติที่
                       นับเป็นข้อได้เปรียบเชิงประวัติศาสตร์ศิลปะและการแบ่งประเภทงานศิลปะ

                                               เมื่อค านิยามศิลปะจ านวนมากมิได้เป็นที่ยอมรับโดยฉันทานุมัติของ

                       โลกศิลปะ สถานภาพของค านิยามเหล่านั้นกลับถูกท้าทายจากแนวคิดของมอริส วีทซ์ (Morris
                       Weitz 1916 – 1981) นักปรัชญา นักสุนทรียศาสตร์ (aesthetician) ชาวอเมริกัน ผู้เขียนบทความที่

                       มีอิทธิพลต่อวงการปรัชญาศิลปะและก่อให้เกิดการอภิปรายถกเถียงในหมู่ศิลปินและนักวิชาการ

                       ศิลปะอย่างมากชื่อ The  Role  of  Theory  in  Aesthetics  ตีพิมพ์ในวารสาร The  Journal  of

                       Aesthetics and Art Criticism Vol. 15 No. 1 (Sep., 1956), pp. 27-35. และเวลาต่อมาเนื้อหา

                       จากบทความดังกล่าวก่อให้เกิดกระแสแนวคิดใหม่เรียกว่า ลัทธิปฏิเสธสารัตถะนิยม (anti-
                       essentialism) ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางนับแต่ทศวรรษที่ 1950 มาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่

                       20 และกลายเป็นโลกทัศน์ใหม่ต่องานศิลปะมาจนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 กล่าวคือลัทธิสารัตถะ

                       นิยม (essentialism)  มีความเชื่อว่าสิ่งใด ๆ มีเนื้อแท้ในตัวเองที่ท าให้ตัวมันเองแตกต่างจากสิ่งอื่น

                       ๆ โดยสิ้นเชิง แต่แนวคิดของลัทธิสารัตถะนิยมไม่อาจเป็นที่ยอมรับของมอริส วีทซ์ เพราะเขาเสนอ

                       ว่าแทนที่จะถามว่า ศิลปะคืออะไร ตรงกันข้ามควรถามว่า ศิลปะคือกรอบคิดของอะไร (What sort
                       of  concept  is  art  ?)  แนวคิดของเขาท้าทายต่อค านิยามจ านวนมากมายเกี่ยวกับศิลปะคืออะไร

                       เพราะมอริส วีทซ์มีความเห็นว่าค านิยามเหล่านั้นปราศจากการก้าวหน้าและมีนัยยะของกฎระบบ

                       ระเบียบ (legislative  and  prescriptive)  มากกว่าที่จะให้รายละเอียดที่ท าให้เห็นภาพได้อย่าง
                                                                                               [29]
                       ชัดเจน (descriptive) เหตุนั้นกฎระบบระเบียบเหล่านั้นจึงไม่อาจจะนิยามสิ่งใดได้เลย
                                               มอริส วีทซ์มีความเห็นว่า ความล้มเหลวของค านิยามศิลปะเกิดจาก

                       การเข้าใจผิดในตรรกะของศิลปะ กล่าวคือศิลปะโดยตัวมันเองต่อต้านค านิยาม เพราะเป็นไปไม่ได้

                       โดยเหตุผลอยู่แล้วที่จะมีข้อก าหนดครบถ้วนบริบูรณ์ที่สามารถนิยามค าว่าศิลปะได้ ไม่ว่าจะเป็น

                       แนวคิดของทฤษฎีใดก็ตาม เช่น ทฤษฎีรูปแบบนิยม (Formalist theory) ที่มุ่งเน้นความส าคัญด้าน
                       คุณค่าอันเป็นธรรมชาติภายในของตัวงานเอง (intrinsic value) ทฤษฎีอารมณ์นิยม (Emotionalist

                       theory)  ที่มุ่งเน้นความส าคัญด้านคุณสมบัติการแสดงออกของตัวงานศิลปะ (the  expressive

                       qualities of art work) เพื่อสื่อสารเกี่ยวกับอารมณ์ ความรู้สึก และความคิด ทฤษฎีสหัชญาณนิยม

                       หรือ อัชฌัตติกญาณนิยม (Intuitionalist theory) ที่มุ่งเน้นความส าคัญด้านการเห็นแจ้งโดยไม่ผ่าน

                       เหตุผล และเชื่อว่าศิลปะมิใช่เรื่องของรูปทรงและอารมณ์ แต่เป็นสิ่งรับรู้ได้ผ่านการเห็นแจ้งที่อยู่
                       เหนืออารมณ์และเหตุผล ทฤษฎีอินทรียภาพนิยม (Organicist theory) ที่เชื่อว่าศิลปะให้ความรู้สึก

                       ครบถ้วนบริบูรณ์ได้ด้วยการหลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันขององค์ประกอบทางศิลปะอันได้แก่



                       16
   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21