Page 17 - GEH1101-เอกสารประกอบการเรียนการสอน-unit1
P. 17
สุนทรียภาพกับชีวิต
เรื่อง (subject) หรือวัตถุดิบที่น ามาสร้างงานศิลปะ รูปทรง (form) หรือโครงสร้างทางกายภาพของ
งานศิลปะและเนื้อหา (content) หรือความหมายของงานศิลปะ และทฤษฎีเจตจ านงนิยม
(Voluntarist theory) ที่เชื่อว่าศิลปะให้ความสมปรารถนาผ่านองค์ประกอบส าคัญอันได้แก่ ความ
ปรารถนา (wishes and desires) ภาษา (language) และ ความบรรสานกลมกลืน (harmony)
ทั้งนี้ เหตุเพราะว่าศิลปะเป็นแนวคิดปลายเปิด (open concept) และข้อก าหนดใดๆ เกี่ยวกับศิลปะ
อาจแปรเปลี่ยนแก้ไขได้เสมอเมื่อมีปัจจัยแวดล้อมเกิดขึ้นมาใหม่ ดังนั้น ค าว่า “ปลายเปิด” จึงเป็น
[30]
ค าที่ปฏิเสธการนิยามโดยตัวของมันเอง แนวคิดของมอริส วีทซ์ดังกล่าวนับเป็นแนวคิดที่เรียกว่า
การปฏิเสธค านิยามของศิลปะ(de-definition of art) หมายความว่าศิลปะไม่อาจนิยามความหมาย
ได้ว่าคืออะไร
ดังนั้น กล่าวได้ว่าค านิยามศิลปะมีปัญหาด้านคุณสมบัติหรือ
ลักษณะร่วมเดียวกันอย่างจ าเพาะ ทั้งนี้ อาจด้วยเหตุผลท านองเดียวกันกับค าอธิบายเกี่ยวกับ
ข้อความที่ว่า “meaning as use” ของลุดวิก วิทท์เกนสไทน์ (Lidwig Wittgenstein 1889 - 1951)
นักปรัชญาชาวออสเตรีย-อังกฤษ ที่อธิบายไว้ในหนังสือชื่อ Philosophical Investigations โดย
ข้อความดังกล่าวหมายถึงการรู้ความหมายของค าหนึ่ง ๆ คือการเข้าใจค า ๆ นั้น และการเข้าใจค า
ๆ นั้นคือการใช้มันอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ วิทท์เกนสไทน์ยกตัวอย่างประกอบค าอธิบายของเขาว่า
“พิจารณาตัวอย่างสิ่งที่เราเรียกว่า “เกม” ดูเถอะ ผมหมายถึง เกมหลายอย่างที่เล่นบนกระดาน การ
เล่นไพ่ การเล่นบอล เกมโอลิมปิก แล้วก็เกมอะไรทั้งหลายอื่น ๆ อะไรคือลักษณะร่วมของเกม
เหล่านั้น อย่าได้พูดเลยว่า ‘มันต้องมีลักษณะร่วมบางอย่าง’ หรือ ‘มันไม่เรียกว่าเป็นเกมหรอก’ - แต่
[31]
จงมองและพิจารณาดูสิ ว่ามีอะไรบ้างเป็นลักษณะร่วมของมัน” ความหมายของวิทท์เกนสไทน์
คือเรานิยามค าว่าเกมหรือกีฬาไม่ได้ว่าคืออะไร เพราะสิ่งที่เราเรียกว่าเกมหรือกีฬาทั้งหลายที่เล่น
กันบนโลกนี้หาลักษณะร่วมตรงกันไม่พบเลย ดังนั้น ค าว่า ศิลปะ และ ความงาม จึงหาที่ยุติไม่ได้
หากต้องอธิบายตามนัยยะของข้อความ ‘meaning as use” เพราะค าสองค านี้มิได้แตกต่างไปจาก
ค าอื่น ๆ ที่มีปัญหาในการหาค านิยาม เช่น ความรัก ความผิดหวัง ความคิดถึง ความสุข ความปวด
ความทุกข์
เมื่อศิลปะไม่สามารถมีค านิยามที่ลงตัวสมบูรณ์อย่างปราศจากข้อ
โต้แย้ง โลกศิลปะนับจากคริสต์ศตวรรษที่ 19- 20 จึงหันไปสมาทานแนวทางอย่างอื่นขึ้นมาแทน ซึ่ง
บ่งบอกความส าคัญของศิลปะ เช่น การแสดงออก(expression)การสื่อความหมาย (interpretation)
การเห็นแจ้ง (intuition) และ ประสบการณ์ (experience) อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากค านิยาม
ที่มีมากมายหลายนิยามของค าว่า “ศิลปะ” ที่บรรดานักปราชญ์ผู้รู้อธิบายไว้แล้วนั้น อาจสรุปรวบ
17