Page 65 - การสืบสวนสอบสวน
P. 65

๕๘




                                       อยางไรก็ตาม แมจะถือวาคําใหการรับสารภาพในชั้นจับกุมที่รับฟงเปนพยาน
              หลักฐานไมไดตาม ป.วิ.อ.มาตรา ๘๔ วรรคทาย  หมายถึง  รับฟงเปนพยานหลักฐานยันตอจําเลยผูที่

              ใหการรับสารภาพไมไดเทานั้น  แตอาจรับฟงยันจําเลยอื่นได  แตโดยลักษณะของคําใหการในชั้นจับกุม
              เปนพยานบอกเลาและเปนคําซัดทอด จึงตองพิจารณาตามหลักเกณฑมาตรา ๒๒๖/๑ และมาตรา ๒๒๗/๑

              ดวยวาจะรับฟงลงโทษจําเลยอื่นไดเพียงใด
                                       แมบันทึกการจับกุมกระทําขึ้นเนื่องจากจําเลยถูกจับกุมในคดีอื่นก็รับฟง

              ถอยคํารับสารภาพดังกลาวในชั้นจับกุมไมได
                                       ฎีกาที่ ๑๙๖๗๒/๒๕๕๕  แมบันทึกคํารับสารภาพจําเลยกระทําขึ้นเนื่องจาก

              จําเลยถูกจับในคดีอื่น  แตในบันทึกนั้น  จําเลยก็ไดกลาวถึงการที่จําเลยใชอาวุธปนยิงผูตาย  อันมี
              ลักษณะเปนถอยคํารับสารภาพวาจําเลยผูถูกจับกุมไดกระทําความผิด  จึงตองหามมิใหรับฟงเปนพยาน

              หลักฐานตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๘๔ วรรคทาย
                               ๑.๒   ถอยคําอื่น ที่มิใชคํารับสารภาพวาตนไดกระทําความผิด ศาลจะรับฟงเปน
              พยานหลักฐานในการพิสูจนความผิดของผูถูกจับไดตอเมื่อมีการแจงสิทธิตามมาตรา ๘๔ วรรคหนึ่ง

              หรือตามมาตรา ๘๓ วรรคสอง (มาตรา ๘๔ วรรคทาย) ถาไมมีการแจงสิทธิทั้งสองประการดังกลาว
              ศาลก็ไมอาจรับฟงถอยคําอื่นของผูถูกจับเปนพยานหลักฐานได

                                       การแจงสิทธิตามมาตรา ๘๓ วรรคสอง ซึ่งเปนกรณีเจาพนักงานเปนผูจับ
              โดยเจาพนักงานผูจับ

                                       ๑.    ตองแจงขอกลาวหา
                                       ๒.    แจงสิทธิแกผูถูกจับทราบวาผูถูกจับมีสิทธิจะไมใหการหรือใหการก็ได

                                       ๓.     แจงสิทธิที่จะพบและปรึกษาทนายความหรือผูซึ่งจะเปนทนายความ และ
                                       ๔.    ผูถูกจับอาจแจงใหญาติหรือผูที่ตนไววางใจทราบถึงการจับกุมได

              แตตองเปนการดําเนินการไดโดยสะดวกและไมเปนการขัดขวางการจับหรือควบคุมผูถูกจับ หรือทําให
              ไมเกิดความปลอดภัยแกบุคคลหนึ่งบุคคลใด

                        คําวา ถอยคําอื่น เชน รับวาอาวุธของกลางเปนของตนเอง หลังเกิดเหตุตนไดนําไปซุกซอน
              ไวที่ใด หรือขณะเกิดเหตุตนอยูในที่เกิดเหตุดวย หรือพฤติการณแหงคดีอื่นๆ

                        สังเกตวาถาเจาพนักงานผูจับไมไดแจงสิทธิตามมาตรา ๘๓ วรรคสอง มีผลทําใหตองหาม
              มิใหรับฟงถอยคําอื่นเปนพยานหลักฐานในการพิสูจนความผิดของผูถูกจับได ซึ่งเปนผลที่บัญญัติไว

              ตามมาตรา ๘๔ วรรคทาย เปนการเฉพาะแลว จึงไมใชกรณีตองหามมิใหรับฟงตามมาตรา ๒๒๖
              ดังนี้ เมื่อบทบัญญัติมาตรา ๘๔ วรรคทาย บัญญัติใหมีผลมิใหรับฟงถอยคําอื่นในการพิสูจนความผิด
              ของผูถูกจับเทานั้น ถาถอยคําดังกลาวเปนคําซัดทอดวาผูอื่นเปนผูกระทําความผิด ก็อาจเปนพยาน

              หลักฐานในฐานเปนคําซัดทอดในการพิสูจนความผิดของผูถูกซัดทอดได แตศาลคงตองรับฟงดวยความ

              ระมัดระวัง โดยไมอาจรับฟงโดยลําพังเพื่อลงโทษจําเลยได (มาตรา ๒๒๗/๑ วรรคหนึ่ง)
   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69   70