Page 66 - การสืบสวนสอบสวน
P. 66

๕๙




                            ฎีกาที่  ๑๒๘๐/๒๕๕๗   จําเลยทั้งสองขับรถหลบหนีทันทีที่เห็นเจาพนักงานตํารวจ
                 จนถูกติดตามจับกุมตัวไดพรอมประแจและคีม อันเปนเครื่องมือที่ใชในการลักรถจักรยานยนตไดโดยงาย

                 แลวรับในขณะนั้นวารวมกันกอเหตุลักรถจักรยานยนตของผูเสียหายและของบุคคลอื่นอีกหลายราย
                 ในหลายทองที่  แลวถอดแผนปายทะเบียนทิ้งบอนํ้า  และนํารถจักรยานยนตไปขายใหรานขาย
                 ของเกาในเขตอําเภอพานทองตามบันทึกการจับกุม  และเจาพนักงานตํารวจยังตามไปตรวจยึดไดแผน

                 ปายทะเบียนรถจักรยานยนตของผูเสียหายในบอนํ้า ตามที่จําเลยทั้งสองนําชี้  บันทึกการจับกุมดังกลาว
                 นอกจากเปนถอยคํารับสารภาพของจําเลยทั้งสองแลว   ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่นําทรัพยที่ลัก

                 ไปขาย  และการนําชี้จุดทิ้งแผนปายทะเบียนดวย  อันเปนถอยคําอื่นที่อาจรับฟงเปนพยานหลักฐาน
                 ในการพิสูจนความผิดของจําเลยทั้งสองได  ทั้งปรากฏวาเจาพนักงานตํารวจแจงสิทธิแกจําเลยทั้งสอง
                 กอนที่จะใหถอยคําดังกลาวแลว จึงไมตองหามมิใหรับฟงตาม ป.วิ.อ.มาตรา ๘๔ วรรคทาย

                            การไมแจงสิทธิดังกลาว หรือแจงสิทธิไมครบถวน ยอมมีผลทําใหไมอาจรับฟงถอยคําอื่น
                 ในชั้นจับกุมหรือรับมอบตัวเปนพยานหลักฐานเพื่อพิสูจนความผิดของผูถูกจับได

                            ฎีกาที่ ๘๑๔๘/๒๕๕๑  เจาพนักงานตํารวจเปนผูจับจําเลยมิใชราษฎรเปนผูจับจึงไมมีกรณี
                 ที่จะตองแจงสิทธิตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๘๔ วรรคหนึ่ง แตเจาพนักงานตํารวจผูจับตองแจงสิทธิตาม ป.วิ.อ.

                 มาตรา ๘๓ วรรคสอง เมื่อบันทึกการจับกุมมีขอความวาจําเลยใหการรับสารภาพ จึงตองหามมิใหนํา
                 คํารับสารภาพในชั้นจับกุมของผูถูกจับมารับฟงเปนพยานหลักฐานตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๘๔ วรรคสี่

                 และเมื่อบันทึกการจับกุมไมมีขอความใดที่บันทึกการแจงสิทธิแกจําเลยผูถูกจับตามที่ ป.วิ.อ. มาตรา ๘๓
                 วรรคสอง บัญญัติเลย ทั้งพยานโจทกที่รวมจับกุม  ก็ไมไดเบิกความถึงเรื่องการแจงสิทธิแตอยางใด

                 แมโจทกจะสงบันทึกการแจงสิทธิผูถูกจับมาพรอมกับบันทึกการจับกุมในชั้นพิจารณาสืบพยานโจทก
                 แตบันทึกการแจงสิทธิผูถูกจับดังกลาวมีลักษณะเปนแบบพิมพเติมขอความในชองวางดวยนํ้าหมึก

                 เขียนโดยเจาพนักงานตํารวจผูบันทึกเปนคนละคนกับที่เขียนบันทึกการจับกุม ทั้งใชปากกาคนละดาม
                 และไมมีขอความวาผูถูกจับมีสิทธิจะใหการหรือไมใหการก็ได    กับไมมีขอความวาถอยคําของผูถูกจับ

                 นั้นอาจใชเปนพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีไดแตอยางใด แมจะมีขอความแจงสิทธิเรื่องทนายความ
                 ก็เปนการแจงสิทธิไมครบถวนตามที่ ป.วิ.อ. มาตรา ๘๓ วรรคสองบัญญัติ ฉะนั้นถอยคําอื่นของจําเลย

                 ตามบันทึกการจับกุม  จะรับฟงเปนพยานหลักฐานในการพิสูจนความผิดของจําเลยหาไดไมเชนกัน
                 ดังนั้น บันทึกการจับกุมจึงไมอาจอางเปนพยานหลักฐานได  เพราะเปนพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นโดยไมชอบ
                 ทั้งนี้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๖

                            ฎีกาที่ ๑๑๕๒/๒๕๕๖  ถอยคําของจําเลยในบันทึกการจับกุมจําเลยที่วา จําเลยรูจักและ

                 มีความสัมพันธลึกซึ้งกับ ส. จําเลยในคดีอาญาอีกเรื่องหนึ่งมาประมาณ ๒ เดือน และจําเลยขับรถ
                 ไปรับ ส. มิใชเปนคํารับสารภาพของผูถูกจับวาตนไดกระทําความผิด เมื่อเจาพนักงานตํารวจผูจับไดแจง
                 สิทธิใหแกจําเลยทราบแลววา  จําเลยมีสิทธิที่จะใหการหรือไมก็ได และถอยคําของจําเลยอาจใชเปน

                 พยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได  จึงรับฟงเปนพยานหลักฐานในการพิสูจนความผิดของจําเลยได
                 ตาม ป.วิ.อ.มาตรา ๘๔ วรรคทาย
   61   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71