Page 13 - Connect with respect: preventing gender-based violence in schools; classroom programme for students in early secondary school (ages 11-14); 2016
P. 13
หลักการและเหตุผล ข้อแนะน�าส�าหรับครูและผู้บริหารสถานศึกษา
ส่วนที่
เรำทุกคนล้วนมีบทบำทหน้ำที่ในกำรส่งเสริมให้โรงเรียนมีสภำพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเคำรพเอำใจใส่ต่อผู้เรียนรวมทั้งผู้ปฏิบัติงำนด้วยกันทั้งสิ้น สมำชิกชุมชนโรงเรียนแต่ละคนย่อมมี 1
่
ุ
้
ี
ั
ั
ุ
ั
้
้
ั
้
่
ื
ู
ื
้
ู้
ี
่
ิ
ิ
ั
ิ
ิ
สทธได้รบกำรค้มครองใหปลอดภยและใหควำมส�ำคญกับคณคำของตน ทงยังมหนำทต้องปฏบตต่อผอ่นด้วยควำมเคำรพเอำใจใส่ ไม่วำจะเป็นครผูช่วยหรอหัวหน้ำสถำนศึกษำ นักกำรภำรโรง
หรือศึกษำธิกำรเขตพื้นที่กำรศึกษำ หรือแม้แต่ครูแนะแนวหรือนักเรียนก็ตำม
เน้อหำส่วนแรกน้น�ำเสนอกรอบแนวคิดและหัวข้อส�ำคัญส�ำหรับแผนกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ในช้นเรียน โดยมีเป้ำหมำยเพ่อช่วยให้ครูอำจำรย์ได้พินิจพิเครำะห์ดูว่ำประเด็นอันเก่ยวเน่องดวย
ื
ั
ี
้
ี
ื
ื
ิ
ี
ิ
ื
ั
ควำมรุนแรงบนฐำนเพศภำวะน้นจะเกิดข้นในบริบทท้องถ่นของท่ำนได้อย่ำงไร นอกจำกน้ ยังให้ข้อเสนอแนะเพ่มเติมอีกว่ำ หลักกำรพัฒนำโรงเรียนท้งระบบจะช่วยเก้อหนุนให้ควำม
ึ
ั
รุนแรงบนฐำนเพศภำวะในบริบทสถำนศึกษำลดน้อยลงได้อย่ำงไร
ท�าไมจึงใช้กิจกรรมการเรียนรู้ในชั้นเรียนแก้ปัญหาความรุนแรงบนฐานเพศภาวะในบริบทสถานศึกษา? ค�าถาม
ึ
ั
เด็กทุกคนย่อมมีสิทธิได้รับกำรศึกษำท่ปรำศจำกควำมรุนแรง ซ่งกิจกรรมกำรเรียนรู้ในช้นเรียนถือเป็นองค์ประกอบหน่งของกำรด�ำเนินงำนแบบรอบด้ำนท่โรงเรียนตอบสนองและป้องกัน ชวนย้อนคิด
ึ
ี
ี
ควำมรุนแรงบนฐำนเพศภำวะ โดยเช่อว่ำกิจกรรมกำรเรียนรู้ในช้นเรียนท่วำงแผนอย่ำงรัดกุมและออกแบบอย่ำงรอบคอบน้น จะช่วยให้เด็กนักเรียนสำมำรถซึมซับทัศนคติเชิงบวกและ
ื
ี
ั
ั
สร้ำงเสริมทักษะส�ำคัญส�ำหรับกำรพัฒนำสัมพันธภำพเชิงบวกได้ ขณะนี้ โรงเรียน
ของท่ำนใช้กิจกรรม
เป็นประโยชน์แก่ครูอย่างไร? กำรเรียนรู้ในชั้นเรียน
เพื่อแก้ปัญหำและ
ิ
ี
ื
�
ุ
ี
กำรตระหนักรู้ในสทธิทำงเพศเป็นเร่องส�ำคัญสำหรับหน่วยงำนทุกแห่ง ครูอำจำรย์เองก็จะได้รับประโยชน์น้ หำกท่ท�ำงำนปลอดภัยจำกกำรคุกคำมด้วยเหตแห่งเพศภำวะ กำรสอนหนงสือ ป้องกันควำมรุนแรง
ั
ถือเป็นวิชำชีพที่ท้ำทำยยิ่ง และครูคงกลัดกลุ้มหงุดหงิดร�ำคำญใจไม่น้อย เมื่อพบเห็นลูกศิษย์มีพฤติกรรมออกนอกลู่นอกทำง อย่ำงไรก็ดี หำกอยู่ในสถำนศึกษำที่ปลูกฝังด้ำนสัมพันธภำพ หรือควำมรุนแรง
ที่เคำรพเอำใจใส่ซึ่งกันและกัน ทั้งครูและนักเรียนย่อมได้รับกำรเกื้อหนุนค�้ำจุนและเอื้ออ�ำนวยด้วยสภำพแวดล้อมอันเป็นมิตร [1, 18] บนฐำนเพศภำวะ
บ้ำงหรือไม่?
เหตุใดสัมพันธภาพที่เคารพเอาใจใส่ซึ่งกันและกันจึงส�าคัญ?
ี
ื
ึ
สัมพันธภำพท่เคำรพเอำใจใส่ซ่งกันและกันมีอิทธิพลเชิงบวกต่อสวัสดิภำพของครูและผู้เรียน ตลอดจนผลสัมฤทธ์ทำงกำรเรียน [19] ส่วนสัมพันธภำพเชิงบวกกับเพ่อนนักเรียนด้วยกันจะ
ิ
ก่อให้เกิดมิตรภำพและกำรเกื้อหนุนที่ดีในหมู่ผู้เรียน ทั้งยังช่วยเพิ่มแรงจูงใส่ใฝ่สัมฤทธิ์และกำรมีส่วนร่วมในกิจกรรมกำรเรียนรู้ ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียน และลดพฤติกรรมเสี่ยง
(เช่น กำรใช้สำรเสพติดและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) [18, 19]
ในทำงตรงกันข้ำม สัมพันธภำพท่ไม่ดีกับเพ่อนนักเรียนก็จะส่งผลเชิงลบต่อสวัสดิภำพและผลสัมฤทธ์ทำงกำรเรียน โดยพบว่ำท้งผู้ก่อเหตุควำมรุนแรงและผู้ถูกกระท�ำด้วยควำมรุนแรงบน
ื
ิ
ั
ี
ฐำนเพศภำวะจะมีแนวโน้มประสบปัญหำสุขภำพจิตสูงกว่ำผู้อื่น ซึ่งปัญหำที่มักพบบ่อยๆ ได้แก่ ควำมวิตกกังวลและภำวะซึมเศร้ำ [20-25]
นอกจำกนี้ สัมพันธภำพเชิงบวกระหว่ำงครูกับลูกศิษย์ก็ส�ำคัญเช่นกัน กล่ำวคือ เด็กนักเรียนที่มีสัมพันธภำพที่ดีกับครู จะมีแนวโน้มมีส่วนร่วมกับโรงเรียนและมุ่งมั่นท�ำงำนให้ส�ำเร็จลุล่วง
อย่ำงเต็มที่มำกกว่ำผู้อื่น ทั้งยังรู้จักเข้ำหำครูเมื่อต้องกำรควำมช่วยเหลือ แต่เด็กที่มีสัมพันธภำพไม่ดีกับครู จะมีแนวโน้มมีผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนต�่ำกว่ำ และไม่ค่อยขอควำมช่วยเหลือ
จำกครูเมื่อตนเผชิญเหตุกำรณ์กำรรังแกหรือกำรคุกคำม [19, 26-29]
คำ�ชี้แจงและข้อแนะนำ�สำ�หรับครูอ�จ�รย์และผู้บริห�รสถ�นศึกษ� 9