Page 57 - Connect with respect: preventing gender-based violence in schools; classroom programme for students in early secondary school (ages 11-14); 2016
P. 57
กิจกรรมที่ 2 : ตีแผ่บรรทัดฐานทางเพศ
ื
ื
และควำมคำดหวังปิดก้นทำงเลือกของผู้คน และ ง) เม่อบรรทัดฐำนและควำมคำดหวัง • นักเรียนคิดว่ำบรรทัดฐำนในชุมชนอ่นในจังหวัดเดียวกันกับเรำ หรือในประเทศอ่นๆ
ั
ื
ถูกใช้ในกำรตัดสินและแบ่งแยกผู้คน หรือท�ำให้คนรู้สึกว่ำตนเองผิดปกติ จำกทั่วทุกมุมโลกแตกต่ำงกันหรือไม่
ั
9. ถำมนักเรียนในช้นว่ำบรรทัดฐำนและควำมคำดหวังใดบ้ำงท่นักเรียนคิดว่ำอำจน�ำไป 12. สรุปประเด็นส�าคัญ: 2
ี
ี
สู่อันตรำยหรือควำมไม่เสมอภำค (ตัวอย่ำงบรรทัดฐำนทำงเพศท่เป็นอันตรำยต่อผู้ชำย ส่วนที่
ได้แก่ กำรคำดหวังว่ำผู้ชำยจะต้องบึกบึนก�ำย�ำล�่ำสัน ซึ่งอำจจะมีอิทธิพลต่อโอกำสที่ กิจกรรมนี้ช่วยให้เรำได้เรียนรู้ประเด็นต่ำงๆ ว่ำ:
ผู้ชำยจะกลำยเป็นผู้มีส่วนในกำรกระท�ำรุนแรง ส่วนตัวอย่ำงบรรทัดฐำนทำงเพศ • บรรทัดฐำนทำงเพศภำวะและควำมคำดหวังมีอิทธิพลต่อวิธีกำรด�ำเนินของผู้คน
ั
ี
ท่เป็นอันตรำยต่อผู้หญิง ได้แก่ กำรคำดหวังว่ำผู้หญิงจะต้องว่ำนอนสอนง่ำย ยอมอยู่ใน • บรรทัดฐำนทำงเพศภำวะบำงประกำรอำจเป็นอันตรำยและสำมำรถหยุดย้งผู้คน หัวข้อท 1
่
ี
อำณัติของผู้ชำย ซ่งอำจจะท�ำให้ผู้หญิงคิดว่ำเป็นส่งท่ยอมรับได้หำกผู้ชำยจะใช้ควำม จำกกำรกระท�ำสิ่งที่เชื่อว่ำถูกต้องเหมำะสมส�ำหรับตนเอง
ี
ึ
ิ
ั
รุนแรงกับตน ตัวอย่ำงของบรรทัดฐำนที่น�ำไปสู่ควำมไม่เท่ำเทียมกันอีกประกำรหนึ่ง • กำรตระหนักในบรรทัดฐำนทำงเพศภำวะจะช่วยให้ผู้คนรู้จักต้งค�ำถำมถึงควำมเป็น
ั
ั
ได้แก่ กำรคำดหวังว่ำผู้หญิงจะต้องแต่งงำนต้งแต่อำยุยังน้อย ดังน้นจึงไม่ต้องเรียน ธรรมของบทบำทและท้ำทำยวิธีปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมและเป็นอันตรำย
ั
ี
หนังสือสูงๆ) ให้นักเรียนวงกลมล้อมรอบบรรทัดฐำนจำกรำยกำรตัวอย่ำงท้งหมดท่คิด • บรรทัดฐำนทำงเพศภำวะและควำมคำดหวังมีอิทธิพลอย่ำงมำกต่อรูปแบบกำร
ว่ำอำจก่อให้เกิดอันตรำย เผชิญชีวิตของคนเรำ บำงครั้งก็เป็นไปในทำงบวก หลำยครั้งก็เป็นไปในแง่ลบและ
ก่อควำมเสียหำย จึงเป็นส่งส�ำคัญย่งท่เรำจะต้องตระหนักรู้บรรทัดฐำนทำงเพศ
ี
ิ
ิ
10. ให้นักเรียนในชั้นช่วยกันตอบว่ำบรรทัดฐำน/ควำมคำดหวังใดบ้ำงท่นักเรียนคิดว่ำอำจ ภำวะและควำมคำดหวังในครอบครัวและชุมชนของเรำเอง และต้องมุ่งมั่นท�ำงำน
ี
น�ำไปสู่ควำมไม่เท่ำเทียมกันและอำจจะเป็นอันตรำยส�ำหรับผู้หญิงและส�ำหรับผู้ชำย เพ่อเปล่ยนแปลงบรรทัดฐำนและควำมคำดหวังท่เห็นว่ำจะน�ำไปสู่อันตรำยหรือ
ี
ื
ี
ื
ี
11. บอกนักเรียนในชั้นให้หำค�ำตอบต่อไปนี้: ควำมไม่เท่ำเทียมกัน (ครูควรอธิบำยเสริมว่ำนักเรียนจะได้เรียนรู้เก่ยวกับเร่องควำม
ั
• นักเรียนคิดว่ำบรรทัดฐำนเปล่ยนแปลงไปบ้ำงหรือไม่นับต้งแต่สมัยปู่ย่ำตำยำย เสมอภำคทำงเพศเพิ่มเติมอีกในหัวข้อที่ 2)
ี
เป็นต้นมำ
จุดเน้นส�าหรับครูผู้สอน:
ิ
ี
ี
ื
ิ
ิ
ี
ทุกวัฒนธรรมล้วนมี ‘กฎกติกำ’ ก�ำกับส่งท่คำดหวังจำกเพศชำยและส่งท่คำดหวังจำกเพศหญิง ควำมคำดหวังเหล่ำน้อำจครอบคลุมรวมถึงส่งต่ำงๆ เช่น ทรงผมเส้อผ้ำและอำชีพ รวมท้ง ั
คำดหวังว่ำผู้คนควรจะกระท�ำหรือประพฤติตัวอย่ำงไร
ี
ื
ี
บำงคนอำจรู้สึกว่ำตนไม่เหมำะกับร่ำงกำยท่ติดตัวมำโดยก�ำเนิดและปรำรถนำจะเป็นเพศตรงข้ำมหรือเช่อว่ำท่จริงแล้วตนเองเป็นสมำชิกคนหน่งของเพศตรงข้ำมแต่เกิดมำในร่ำงกำย
ึ
ู
ี
ิ
ั
ี
ั
ิ
ึ
่
่
ี
ี
ู
ทผดยกตวอย่ำงเช่น บำงคนอำจเกดมำมลกษณะทำงชวภำพเป็นผ้ชำยแต่ร้สึกว่ำตนเองควรเป็นผ้หญง จงไว้ผมหรือแต่งตวในลักษณะทสอดคล้องกับบรรทัดฐำนเพศหญงแทนทจะ
่
ี
ู
ั
ิ
ิ
เป็นไปตำมธรรมเนียมของเพศชำย ค�ำศัพท์ที่ใช้อธิบำยคนกลุ่มนี้ก็คือ‘คนข้ำมเพศ’หรืออีกค�ำหนึ่งก็คือ ‘เพศที่สำม’กลุ่มคนข้ำมเพศจึงไม่ระบุตัวตนว่ำสอดคล้องกับบทบำททำงเพศ
ตำมแบบแผนที่ถูกก�ำหนดให้โดยอำศัยเพศสรีระที่ติดตัวมำโดยก�ำเนิด
ี
ึ
ี
ี
บำงคนเกิดมำพร้อมกับลักษณะทำงกำยวิภำคอวัยวะเพศท่ไม่สอดคล้องกับค�ำนิยำมโดยท่วไปของชำยหรือหญิง ค�ำศัพท์ท่ใช้เรียกคนกลุ่มน้ก็คือ ‘คนเพศก�ำกวม’ซ่งเพศก�ำกวมน้ไม่ใช่
ี
ั
ื
ี
ิ
ั
็
�
ี
ควำมเจบป่วยหรอเป็นอำกำรของโรคอะไร แต่เป็นควำมแตกต่ำงทำงกำยภำพ คนเพศกำกวมกย่อมมสทธในกำรเตบโตขนโดยได้รบกำรยอมรับในตวตนท่เขำเป็นและสมควรได้รับ
้
็
ิ
ั
ิ
ึ
อนุญำตให้แสดงออกตำมควำมพึงใจทำงเพศของตนเอง
ี
ั
ั
ี
ื
ั
ั
ี
ั
ในบำงช้นเรียน อำจมีควำมเหมำะสมท่ครูจะน�ำเสนอมโนทัศน์เร่องคนข้ำมเพศและคนเพศก�ำกวมต้งแต่กิจกรรมน้แต่ในบำงช้นเรียนครูอำจจะเลือกน�ำเสนอท้งสองเพศน้คร้งแรกด้วย
ื
ื
ี
ี
กิจกรรมกำรเรียนรู้ท่ออกแบบมำเพ่อสอนเร่องน้อย่ำงชัดเจนโดยตรง (โปรดดูกิจกรรมกำรเรียนรู้ท่ 6 หัวข้อท่ 2) และหลังจำกน้นจึงค่อยรวมท้งสองเพศน้เข้ำไว้ในกิจกรรม ในสถำนกำรณ์
ี
ั
ั
ี
ี
สมมติ และในงำนที่จะมอบหมำยให้นักเรียนท�ำ
คู่มือการจัดหลักสูตรแบบหน่วยการเรียนรู้ 53