Page 35 - นางสาวธนวรรณ ติรเมธา
P. 35

ิ
                                                    ื
                           ิ
                     ึ
                         ี
                                                                                          ์
                                                                                                  ่
                                                                                  ี
                                                          ู
                                                                              ี
               หอบลก  มกล่นอะซโตน  ระดับน ้าตาลในเลอดจะสงมากกว่า 250 mg/dl  มโซเดยมไบคารบอเนตต ากว่า 15
                               ี
                                                          ี
                                                                       ั
                                                                    ี
                           ี
                                                  ื
                                               ี
                                                  ่
                                                      ้
                                       ั
               mEq/L และมสารคโตนในปสสาวะ มคลนไส อาเจยน อ่อนเพลย ปสสาวะมาก กระหายน ้า ผิวหนังแห้ง
                                                                                    ิ
                 ั
               ปสสาวะมากข้นเกิดการขาดน ้าถ้าไม่ได้รบการแก้ไขผู้ปวยจะ ซม  สับสน  หมดสตลงและอาจจะเสยชวิตได้
                                                                                                 ี
                                                                                                    ี
                                                             ่
                                                                    ึ
                            ึ
                                                 ั
                                       1.2.2 ภาวะน ้าตาลในเลอดสงโดยไม่มกรด (Hyperglycemic Hyperosmolar Non-Ketotic
                                                            ี
                                                   ู
                                               ื
                                            ิ
                                                 ่
               Coma:HHNC) มักพบในผู้ปวยชนดไม่พึงอนซลน ร่างกายยังคงมอนซลนพอ ไม่เกิดการสลายของไขมัน
                                       ่
                                                   ิ
                                                       ิ
                                                      ู
                                                                       ิ
                                                                      ี
                                                                           ิ
                                                                          ู
                                   ื
                                                                              ์
                   ึ
               จนถงขั้นภาวะกรดในเลอดสง แต่มอนซลนไม่เพียงพอในการเผาผลาญคารโบไฮเดรต  ท าให้มน ้าตาลใน
                                                 ู
                                              ิ
                                             ี
                                       ู
                                                  ิ
                                                                                              ี
                            ี
                     ู
                                                                                                   ี
                                                        ี
                                              ู
                                              ้
                                               ึ
                                                                                             ึ
                 ื
                                  ึ
               เลอดสงมาก มอาการซม สับสน ไม่รสกตัวและมอาการขาดน ้าอย่างมาก เช่นผิวหนังแห้ง ตาลก ไม่มอาการ
                                                                       ื
                                               ื
               คลนไสอาเจยนเหมอนภาวะกรดในเลอดสง แต่อาจพบน ้าตาลในเลอดสงกว่า 400 mg/dl และมออสโมลาลต       ี
                                                   ู
                                                                                                        ิ
                                                                                              ี
                                                                           ู
                                ื
                  ื่
                          ี
                      ้
                          ู
                                    ิ
                                       ิ
               ในพลาสมาสงกว่า 315 มลลออสโม
                                             ั
                                   ้
                                           ้
                           2. ภาวะแทรกซอนแบบเรอรง ได้แก่
                                           ื
                               2.1 ระบบประสาท (Diabetic neuropathy) จะพบว่ามการเสอมของเสนประสาทรบความรสก
                                                                         ่
                                                                    ี
                                                                                 ้
                                                                                                  ู
                                                                                                  ้
                                                                                           ั
                                                                         ื
                                                                                                    ึ
                                                 ้
                                                                     ี
                                                                     ่
                                                               ี
                                           ่
                                             ุ
               เนองจากการท าลาย Axon ของเยือห้มเสนประสาทและมการเปลยนแปลงของเซลล์ประสาท ท าให้มการคั่ง
                 ื่
                                                                                                   ี
                                                                  ่
                                                                  ื
                                                                                                 ื
                                           ุ
                                                                                  ุ
                        ิ
                       ์
               ของซอรบทอล (Sorbital) และฟรกโตส เกิดเซลล์ประสาทเสอมสภาพ เกิดการอดตันของหลอดเลอดเล็ก ๆ
                                     ี
                                                                             ี
                             ิ
                                                                                           ื
                                                                                  ี
               ท าให้ขาดออกซเจนและมการส่งสัญญาณเข้าออกช้า  ได้แก่ เสนประสาททไปเล้ยงกล้ามเน้อเท้า
                                                                   ้
                                                                             ่
                                   ่
                                                                                ่
                                                                                             ี
                                                                                    ื
                                                                  ิ
                                                                                             ่
                                  ิ
                                                             ื
                                   ี
                                                 ่
               เสนประสาทอัตโนมัตทไปเล้ยงต่อมเหงอและหลอดเลอดบรเวณเท้า  อาการทพบคอ  การชาทปลายเท้าทั้ง
                                                 ื
                                        ี
                 ้
                                                                                ี
                                                                          ุ
                                                                                                 ่
                                                                ี
                                              ื
                                                            ู
               สองข้าง  ปวดแสบปวดรอน กล้ามเน้ออ่อนแรง  การสญเสยการควบคมการท างานของกล้ามเน้อทต้องใช้ใน
                                                                                                 ี
                                                                                              ื
                                    ้
                                                                ้
                                             ี
                                                                                           ุ
                                                              ่
                                 ี
                                                              ี
               การท างานอย่างละเอยด  นอกจากน้จะพบพยาธสภาพทเสนประสาทในส่วนของการควบคมภายในร่างกาย
                                                       ิ
                                                                             ิ
                                                                                      ั
                                                                      ่
               โดยจะพบว่ามอาการท้องเดน การควบคมการท างานของต่อมเหงอผิดปกต ท้องผูก ปสสาวะค้างในกระเพาะ
                                      ิ
                           ี
                                                 ุ
                                                                      ื
                 ั
                                              ี
               ปสสาวะหลังการถ่ายปสสาวะ และมความผิดปกตของระบบสบพันธ       ุ ์
                                                         ิ
                                                                   ื
                                   ั
                               2.2 ภาวะแทรกซ้อนทางตา (Diabetic retinopathy) จะพบว่ามหลอดเลอดทจอตาเสอม เนองจาก
                                                                                            ื่
                                                                           ี
                                                                                      ี่
                                                                                  ื
                                                                                                 ื่
                                                                                        ี
                                        ื
                                            ี
                                            ่
               การเปลยนแปลงของหลอดเลอดทจอตา ชักน าให้เกิดตาบอดในผู้ปวยผู้ใหญ่  นอกจากน้ยังมเลนสตาขุ่นเปน
                      ่
                      ี
                                                                       ่
                                                                                                 ์
                                                                                            ี
                                                                                                       ็
                                                               ็
                                      ็
                                            ิ
               ต้อกระจก ในบางรายอาจเปนต้อหน ตาพร่ามัว  มองไม่เหน
                                                                                                ่
                                                ื
                                                                            ื
                                                                                                ี
                                                                 ิ
                               2.3 ระบบหัวใจและหลอดเลอด จากความผิดปกตของหลอดเลอดใหญ่และขนาดเล็กทท าให้
                                                                                       ี
                                                                                     ึ
                                                            ื
                                               ื
                                        ่
                                                   ้
                                 ุ
               หลอดเลอดเกิดการอดตัน  โปงพองหรอสรางหลอดเลอดทไม่แข็งแรงข้นมาใหม่  จงมส่วนส าคัญในการท า
                                                                           ึ
                      ื
                                                                ี
                                                                ่
                                                                                              ี
                                                                                              ่
                                                       ิ
                                   ื
                                                                     ื
                                                            ึ
                                                         ู
               ให้เกิดโรคของหลอดเลอดได้แก่  ความดันโลหตสงข้น หลอดเลอดหัวใจตบตัน  หลอดเลอดทไตผิดปกต     ิ
                                                                                          ื
                                                                             ี
                                                                                                  ิ
                                                          ี
                                              ่
                                        ิ
                                                                                                    ึ
               และหลอดเลอดสมองผิดปกตโดยผู้ปวยเบาหวานมโอกาสเกิดโรคหลอดเลอดหัวใจมากกว่าคนปกตถง 2 เท่า
                                                                             ื
                          ื
                                                                                                      ี
                                                                                                   ึ
                                 ื
               และเกิดโรคหลอดเลอดสมองมากกว่าคนปกตถง 3 เท่า นอกจากน้ยังพบว่าความหนดของเลอดเพิ่มข้น มการ
                                                      ิ
                                                       ึ
                                                                      ี
                                                                                     ื
                                                                                            ื
               ท างานของเกล็ดเลอดผิดปกตรวมทั้งมภาวะเปนลมเมอเปลยนท่าเรวๆ ได้ง่าย (Orthostatic hypotension)
                                                                ่
                                                                       ็
                                                                ี
                                        ิ
                                                     ็
                                               ี
                                                            ่
                               ื
                                                            ื
   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40