Page 23 - รายงานวิจัยชั้นเรียนปี 2562 กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์
P. 23

18

               เกณฑ์ที่ตั้งไว้ และมีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.7520 ซึ่งหมายความว่านักเรียนมีค่าคะแนนในการเรียนเพิ่มขึ้น
               เป็นร้อยละ 75.20 นักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบวัฏจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

               ขั้นพื้นฐานหลังจากเรียนสูงกว่าก่อนเรียน และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ
               ทางสถิติที่ระดับ 0.01
                      สุพัตรา ประกอบพานิช (2549: 91-94) ได้ศึกษาผลของการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น ที่มีต่อ
               ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและเจตคติเชิงวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า
               แผนการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น มีประสิทธิภาพ 78.44/76.53 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ และมีค่า

                                                                                      ึ้
               ดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.6078 ซึ่งหมายความว่านักเรียนมีค่าคะแนนในการเรียนเพิ่มขนเป็นร้อยละ 60.87
               นอกจากนั้นนักเรียนที่เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น มีเจตคติเชิงวิทยาศาสตร์
               โดยรวมและรายด้าน 6 ด้าน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานหลังเรียน

               เพิ่มขึ้นจากกอนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
                          ่

                   2)  งานวิจัยในต่างประเทศ
                      เจมส์ (James. 2002: 2140-A) ได้ศึกษาเกี่ยวกับความเข้าใจของครูประถมศกษาที่มีต่อการสอน
                                                                                       ึ
               วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ และวิธีการเปลี่ยนแปลงผลที่เกิดขึ้นในชั้นเรียน โดยวิธีการประชุมเชิง
               ปฏิบัติการพัฒนาทางวิชาชีพ ใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 12 คน ซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างอาสาสมัคร ผลการศึกษาพบว่า
               คะแนนก่อนและหลังจากการทำแบบสอบถามการแระเมินตนเองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
                      แฮบกูด (Hapgood. 2003: 1979-A) ได้ศึกษาการสอนวิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้เกี่ยวกับการ

               เคลื่อนที่ในแนวราบ ของนักเรียนเกรด 2 โดยใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 21 คน  ผลการศึกษาพบว่า     นักเรียนทำ
               คะแนนหลังเรียนได้มากกว่าก่อนเรียน ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสัมพันธ์
                      บาร์เนท (Barnett. 2003: 2031-A) ได้ศึกษามาตรฐานวิทยาศาสตร์ระดับชาติ และระดับในปัจจุบัน
               เน้นที่การสืบเสาะซึ่งเป็นยุทธวิธีในการสอนวิทยาศาสตร์ มาตรฐานเหล่านี้ไม่ได้กำหนดวิธีที่จะสร้างการสืบเสาะ

               ภายในเนื้อหาที่ใช้สอนในห้องเรียนยิ่งไปกว่านั้นครูจำนวนมากเป็นผู้ตัดสินใจแบบสร้างสรรค์และชาญฉลาด ซึ่งเป็น
                                                  ี
               ผู้ที่รับรู้และกำหนดวิธีการสืบเสาะและไม่มความสงสัย ที่จะนำเอาวิธีการสืบเสาะไปใช้เพราะว่ามีประโยชน์มาก
               ที่สุดต่อนักเรียน การศึกษาครั้งนี้ เป็นการพิจารณาถึงแนวความคิดด้านการสืบเสาะของครู 2 คนว่าจะเปลี่ยนแปลง

               อย่างไรเมื่อเวลานานขึ้น และการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะเกี่ยวพันกันอย่างไร และครูเหล่านี้จะผ่านพ้นความ
               ยากลำบากอย่างไร รูปแบบของการวิจัยธรรมชาติ และการแปลความเพอใช้สำหรับเก็บรวบรวมข้อมูลและการ
                                                                          ื่
               วิเคราะห์ข้อมูล ผลการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า แนวความคิดของครูต่อการสืบเสาะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเมอ
                                                                                                         ื่
               เวลามากขึ้น และไม่พบว่าเหตุการณ์และขั้นของการคิดวิเคราะห์นั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างยิ่งในการสอนเนื้อหา
               ของครู

                      โกลเบิร์ก (Goldberg. 2004: 1979-A) ได้ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ ปฏิสัมพันธ์ในชั้นเรียน และการสอบ
               วิทยาศาสตร์แบบสืบสวนสอบถาม โดยศึกษาเปรียบเทียบความแตกต่างในการสอนแบบสืบเสาะในโปรแกรม
               วิทยาศาสตร์ระหว่างกลุ่มชั้นเรียน  2 ห้องเรียน ในโรงเรียนขนาดกลางโดยใช้หลักสูตรวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม

               ฉบับใหม่ ห้องเรียน 2 มีลักษณะที่เหมือนกัน ที่ตั้งอยู่ในโรงเรียนขนาดกลางและทำการสอนโดยครูที่มี
               ประสบการณ์ ปัจจัยในด้านต่างๆ ได้รับการควบคุมให้มีความคลายคลึงกัน เพื่อศึกษาความแตกต่างที่เกิดขึ้นใน
               งานวิจัยเพื่อวิเคราะห์นักเรียนก่อนเรียน และหลังการทดสอบวิทยาศาสตร์ใน 2 ห้องเรียน ในด้านการปฏิสัมพันธ์
               ในชั้นเรียน ภายใต้การใช้กิจกรรมในหลักสูตรคู่ขนาน และเปรียบเทียบในแง่ของสังคมและการจัดการเรียนรู้
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28