Page 22 - ตำนานการสวดพระมาลัย
P. 22
๑๖
่
อะไรเกิดขน แตตรงกันข้าม ตัวไหนพูดยากและวิ่งช้า แส้เหล็กอันใหญ่ยาวราวกับสายบรรทัด ก็ซัด
ึ้
โครมๆ เข้าที่เนื้อตัวอย่างไม่เลือกที่และปรานีปราศรัย
แม้จะเกิดเป็นรอยแผลแตกเลือดทะลักออกม และมันจะส่งเสียงร้องครวญครางขอความ
เวทนาสงสารสักปานใด ก็เหมือนยั่วยุให้พวกผู้คุมกระหน่ําแส้เหล็กเข้าให้หนักขน จนในที่สุด แม้จะ
ึ้
ถึงกับลุกไม่ขึ้น ก็ต้องพยายามคลานรุดหน้าไปตามคําสั่ง
เหล่าสัตว์นรกวิ่งทยอยล้มลุกคลุกคลาน และกระเสือกกระสน หนีออกหน้าซ้ายขวากันให้
ี
อลหม่านไปหมด แต่จนแล้วจนรอด ก็หนไปไหนไม่พ้น นอกจากจะถูกต้อนไปนอนแซ่วหมดสต ิ
เรี่ยวแรง อยู่บนลานหินอ่อนเบื้องหน้านั่นเอง ไม่มีใครกระเสือกกระสนหนีต่อไปอีก ราวกับรชะตา
ู้
ตนเองฉะนั้น
ชั่วขณะนั้นเอง ก็บังเกิดมีไฟลุกแดงวาบขึ้นและโชตชวงไปทั่วลูกกลิ้งหินเหล่านั้น ราวกับ
่
ิ
ปาฏิหารย์ ขณะเดียวกัน ลูกกลิ้งแต่ละลูกก็ผันออกจากที่เข้ามาสู่กลางถนน ซึ่งเหล่าสัตว์นรกทั้งหลาย
กําลังนอนรอความตายอยู่ ด้วยความเร็วราวกับลูกธน และเสียงดังราวกับฟูาลั่น
ู
ครืน! ครืน! ครืน! พริบตาเดียวก็ถึงตัว บังเอิญมีสัตว์นรกบางตัวรู้สึก เบิกตาโพลงขึ้น ครั้น
่
มองเห็นภัยกําลังจะมาถึงตัว ก็ส่งเสียงร้องให้คนชวย
"โอย! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! พร้อมกันนน ต่างถลันลุกขึ้นจะตะเกียกตะกายหนี แตช้าไปเสียแล้ว
่
ั้
่
ลูกกลิ้งทั้งสี่ครืนเข้ามาทับ และบดขยี้พร้อมๆกัน ไม่ตางอะไรกับรถบดถนน ท่ามกลางเสียงร้องโอด
โอย ให้ระงมไปหมด เลือดสดๆ กระจายไปทั่วลานหินอ่อน จนมองเห็นเป็นสีแดงทั้งผืน
"ที่นี่เรียก ปิสสกป๎พพตนรก ขอรับ พระคุณเจ้า พวกที่ชอบทรมาณสัตว์ด้วยการเอาเหล็ก
หรือหินเผาไฟนาบ หรือบดตามเนื้อตัวสัตว์ทั้งหลายอย่างสนุกมือนั่นแหละ เมื่อตายแล้วจะมาเสวยผล
ั้
ี้
กรรมอยู่ในนรกแห่งนขอรับ" ยมบาลกล่าวแล้วพาพระเถระเดินออกจากที่นน ตรงไปยังแดนนรกแห่ง
อื่นทันท ี
สักครู่ก็มาถึงศาลาใหญ่ตั้งอยู่ โดดเดี่ยวบนเนินสูง และดูเหมือนนอกจากจะมีบันไดเหล็กเล็กๆ
ึ้
มีรูปร่างไม่ต่างจากบันไดลิงทอดขนไปจากข้างล่างเพียงอันเดียวแล้ว ก็ไม่มีกําแพงเหล็กหรือประตูใหญ่
ใดๆทั้งสิ้น