Page 146 - 2557 เล่ม 1
P. 146
๑๔๖
พยานเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟงง พร้อมกับแจ้งว่าประจําเดือนของพยานไม่มา
๒ เดือนแล้ว หลังจากนั้นบิดามารดาของพยานพาพยานไปพบผู้ใหญ่บ้าน
และต่อมาก็ไปร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตํารวจ
เห็นว่า โจทก์ร่วมที่ ๒ เป็นเด็กหญิงขณะเบิกความอายุ ๑๓ ปีเศษ
กําลังเรียนหนังสืออยู่และไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจําเลยมาก่อน เบิกความถึง
พฤติการณ์ที่ถูกจําเลยข่มขืนกระทําชําเรามีรายละเอียดเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งเหตุ
ที่มีการแจ้งความกล่าวหาจําเลยเป็นคดีนี้ ก็สืบเนื่องมาจากนายบุญสาร
สังเกตเห็นอาการผิดปกติของโจทก์ร่วมที่ ๒ โดยนายบุญสารเบิกความว่า
โจทก์ร่วมที่ ๒ มีอาการซึมเศร้า ชอบอยู่คนเดียว ทั้งที่ก่อนหน้าที่โจทก์ร่วมที่ ๒
เป็นคนร่าเริงเข้ากับเพื่อนได้ดี ชอบช่วยงานโรงเรียน และเมื่อพยานเรียกโจทก์ร่วมที่ ๒
มาสอบถามจึงทราบเรื่องที่เกิดขึ้น นายบุญสารเป็นครูแนะแนวและสอน
โจทก์ร่วมที่ ๒ ด้วย ย่อมต้องรู้จักนิสัยและความประพฤติของโจทก์ร่วมที่ ๒
เป็นอย่างดี ทั้งการที่นายบุญสารสอบถามโจทก์ร่วมที่ ๒ นี้ ก็เป็นการสอบถาม
ต่อหน้าผู้เสียหายที่ ๑ โจทก์ร่วมที่ ๑ และผู้อํานวยการโรงเรียน และหลังจาก
ทราบเรื่อง ผู้เสียหายที่ ๑ และโจทก์ร่วมที่ ๑ ก็รีบพาโจทก์ร่วมที่ ๒ ไปแจ้งเหตุต่อ
ผู้ใหญ่บ้านทันทีพร้อมระบุว่าจําเลยเป็นผู้ข่มขืนกระทําชําเรา หากมิได้เกิดเหตุ
ขึ้นจริงย่อมเป็นการผิดวิสัยที่เด็กนักเรียนจะปง้นแต่งเรื่องที่ตนถูกชายข่มขืน
กระทําชําเรา ซึ่งเป็นเรื่องเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงและอนาคตทางการศึกษาของตน
อย่างร้ายแรงขึ้นมาปรักปรําจําเลย นายบุญเริง ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านที่เกิดเหตุ
เบิกความเป็นพยานโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองว่า หลังจากบิดามารดาของ
โจทก์ร่วมที่ ๒ พาโจทก์ร่วมที่ ๒ มาแจ้งเหตุ พยานได้เรียกมารดาของจําเลยมา
เพื่อเจรจาตกลงกัน แต่จําเลยปฏิเสธว่ามิได้กระทําความผิด พยานจึงให้บิดามารดา
ของโจทก์ร่วมที่ ๒ ไปร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตํารวจ แต่หลังจากนั้นมารดา
ของจําเลยมาขอให้พยานไกล่เกลี่ยอีกครั้ง และตกลงค่าเสียหายที่ฝ่ายจําเลย
ต้องชดใช้ให้บิดามารดาของโจทก์ร่วมที่ ๒ จํานวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท โดยบิดามารดา
ของโจทก์ร่วมที่ ๒ ต้องไปถอนคําร้องทุกข์ แต่คดีนี้ไม่อาจถอนคําร้องทุกข์ได้
จึงไม่อาจตกลงกันได้ หากจําเลยมิได้กระทําความผิดย่อมไม่มีเหตุที่มารดา