Page 147 - 2557 เล่ม 1
P. 147
๑๔๗
ของจําเลยจะไปขอเจรจาตกลงกับบิดามารดาของโจทก์ร่วมที่ ๒ ที่จําเลยอ้าง
เป็นทํานองว่า การไปเจรจาตกลงค่าเสียหายกับบิดามารดาของโจทก์ร่วมที่ ๒
เป็นการกระทําของมารดาจําเลยโดยพลการ จําเลยไม่ทราบเรื่องนั้น
เป็นข้อกล่าวอ้างที่เลื่อนลอยง่ายแก่การกล่าวอ้าง คําเบิกความของโจทก์ร่วมที่ ๒
จึงมีน้ําหนักน่าเชื่อถือ แม้โจทก์ร่วมที่ ๒ จะเพิ่งแจ้งเหตุให้ผู้เสียหายที่ ๑
และโจทก์ร่วมที่ ๑ ทราบในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๐ หลังเกิดเหตุนานถึง ๒ เดือน
ก็เป็นเพราะจําเลยข่มขู่โจทก์ร่วมที่ ๒ และเมื่อจําเลยทราบเรื่องที่โจทก์ร่วมที่ ๒
เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟงง จําเลยก็มาทําร้ายโจทก์ร่วมที่ ๒ โจทก์ร่วมที่ ๒
จึงไม่กล้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้บุคคลใดฟงงอีก เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมที่ ๒ ซึมเศร้า
ชอบอยู่คนเดียว และคิดจะฆ่าตัวตาย จนนายบุญสารสังเกตได้ถึงความผิดปกตินี้
และสอบถามเอาความจริงจากโจทก์ร่วมที่ ๒ ส่วนที่แพทย์ผู้ตรวจร่างกาย
โจทก์ร่วมที่ ๒ ไม่สามารถสรุปได้ว่าโจทก์ร่วมที่ ๒ ผ่านการมีเพศสัมพันธ์
มาแล้วหรือไม่ ก็มิได้หมายความว่าในวันเกิดเหตุโจทก์ร่วมที่ ๒ มิได้ถูกข่มขืน
กระทําชําเรา เพียงแต่แพทย์ผู้ตรวจไม่สามารถสรุปได้เท่านั้นเอง ซึ่งอาจเป็นเพราะ
การตรวจหลังเกิดเหตุนานถึง ๒ เดือนก็เป็นได้ จึงหาเป็นพิรุธแก่พยานหลักฐาน
โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองไม่ เมื่อโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองมีโจทก์ร่วมที่ ๒
เป็นประจักษ์พยานเบิกความยืนยันถึงการกระทําความผิดของจําเลย ทั้งจําเลย
ก็นําสืบพัวพันว่า วันเกิดเหตุได้พบกับโจทก์ร่วมที่ ๒ จริง พยานหลักฐานโจทก์
และโจทก์ร่วมจึงฟงงได้มั่นคงปราศจากข้อสงสัยว่า วันเกิดเหตุจําเลยพา
โจทก์ร่วมที่ ๒ ไปกระทําชําเราจริง คําแก้ฎีกาข้ออื่นของจําเลยนอกจากนี้ล้วนเป็น
ข้อปลีกย่อย ไม่ทําให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง จึงไม่จําต้องวินิจฉัย การกระทํา
ของจําเลยที่พาโจทก์ร่วมที่ ๒ ไปกระทําชําเราจึงเป็นความผิดฐานกระทําชําเรา
เด็กหญิงอายุยังไม่เกิน ๑๓ ปี และเป็นการกระทําโดยปราศจากเหตุอันสมควร
ล่วงอํานาจปกครองของผู้เสียหายที่ ๑ และโจทก์ร่วมที่ ๑ ซึ่งเป็นบิดามารดา
ของโจทก์ร่วมที่ ๒ เป็นความผิดฐานพรากโจทก์ร่วมที่ ๒ ซึ่งอายุยังไม่เกิน ๑๕ ปี
ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารตามฟ้องโจทก์ เช่นนี้จําเลยย่อมต้องรับผิด
ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสอง นายบุญสารและนายบุญเริง