Page 250 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 250

๒๓๗



                                                ้
                                        คดีแรก โจทก์ฟองว่าจ าเลยผิดสัญญาจะซื้อขายที่ดินย่านพระราม ๓   ราคา
                 ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ขอบังคับให้จ าเลยโอนที่ดินและรับเงินไป โจทก์ยื่นค าร้องขอคุ้มครองชั่วคราวโดย
                            ้
                 เหตุฉุกเฉินอางว่าจ าเลยจะท าการโอนที่ดินให้แก่บุคคลภายนอกช่วงบ่ายวันนี้ ขอให้อายัดที่ดินไว้ก่อน
                                                                                     ิ
                 โจทก์ยื่นค าร้องขอคุ้มครองชั่วคราว เวลา ๑๑.๐๐ นาฬิกา ก่อนไต่สวนค าร้อง ผู้พพากษาเจ้าของส านวน
                                                                                              ิ
                 ปรึกษาผู้บริหารแล้ว เห็นควรให้มีค าสั่งให้อายัดที่ดินไว้ก่อน ศาลจึงเรียกคู่ความเข้าห้องพจารณาเวลา
                 ๑๓.๓๐ น. ไต่สวนพยาน ๒ ปาก พิมพ์ค าเบิกความ รายงานกระบวนพิจารณา ค าสั่งอายัดที่ดิน หมายอายัด

                 เสร็จ เวลา ๑๖.๐๐ นาฬิกา ปรากฏจ าเลยโอนที่ดินให้บุคคลอนไปแล้ว ตั้งแต่เวลา ๑๕.๐๐ นาฬิกา ทนาย
                                                                    ื่
                 โจทก์พยายามโทรศัพท์แจ้งส านักงานที่ดินตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วว่าศาลคุ้มครองชั่วคราวให้  แต่เจ้าพนักงาน

                        ั
                 ที่ดินไม่ฟง อ้างว่ายังไม่มีหมายอายัดของศาลมาถึง ด้วยความเคารพผู้เขียนเห็นว่า เมื่อกรณีเวลากระชั้นชิด
                         ิ
                 เช่นนี้ ผู้พพากษาควรแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าโดยรวบรัด สอบข้อเท็จจริงให้รวดเร็วในสาระส าคัญแทนการ
                 ไต่สวนเต็มรูปแบบไปก่อนแล้วมีค าสั่ง และออกหมายอายัดให้ทัน ก่อนที่จะมการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์
                                                                               ี
                 ที่ดิน เพอให้ค าสั่งคุ้มครองชั่วคราวมีผลบังคับ สามารถอานวยความยุติธรรมให้แก่คู่ความได้อย่างแท้จริง

                        ื่
                 มากกว่ายึดติดกับการไต่สวนอย่างเต็มรูปแบบ ท าให้เกิดความล่าช้า ไม่บรรลุผลของการใช้กฎหมาย ไม่อาจ
                 คุ้มครองความเสียหายให้แก่โจทก์ได้ คดีนี้ในที่สุด โจทก์ต้องร้องสอดให้เรียกบุคคลภายนอกผู้รับโอน
                                                                                               ุ
                 กรรมสิทธิ์ที่ดินเข้ามาเป็นจ าเลยร่วม ศาลชั้นต้นพพากษาให้เพกถอนการโอนที่ดิน  ศาลอทธรณ์และ
                                                            ิ
                                                                       ิ
                 ศาลฎีกาพพากษายืน แต่ไม่ทราบว่าท้ายที่สุดแล้ว โจทก์สามารถบังคับคดีได้หรือไม่  อย่างไรก็ดีข้อเท็จจริง
                          ิ
                 ลักษณะนี้มีข้อพจารณาตามมาตรา ๒๕๘ วรรคสาม ที่บัญญัติว่า ค าสั่งอนุญาตของศาลตามาตรา ๒๕๔(๓)
                              ิ
                 ที่เกี่ยวกับทรัพย์สินที่พพาทหรือทรัพย์สินของจ าเลยให้มีผลบังคับได้ทันที ถึงแม้นายทะเบียน พนักงาน
                                    ิ
                 เจ้าหน้าที่จะยังมิได้รับแจ้งค าสั่งศาลก็ตาม เว้นแต่ศาลจะเห็นสมควรให้มีผลบังคับเมื่อบุคคลดังกล่าวได้รับ
                                                      ี
                 แจ้งค าสั่งแล้ว ดังนี้ หากมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอก อาจต้องพจารณาเทียบเวลาที่ศาลมีค าสั่งคุ้มครองชั่วคราว
                                                                ิ
                        ิ
                 ในห้องพจารณากับเวลาที่เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ส านักงานที่ดินว่าเหตุการณ์ใด
                 เกิดขึ้นก่อนกันซึ่งจะมีผลทางกฎหมายแตกต่างกัน อย่างไรก็ดีในทางปฏิบัติ ศาลมักจะออกหมายโดยระบุ
                 ข้อความให้พนักงานเจ้าหน้าที่ระงับการจดทะเบียนนับแต่วันที่ได้รับหมาย เท่ากับว่าเป็นกรณีที่ศาล

                                                                                          ิ
                 เห็นสมควรไม่ให้มีผลทันที แต่ให้มีผลบังคับเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับหมาย ตามค าพพากษาศาลฎีกา
                 ที่ ๑๒๗๓๒/๒๕๕๗ ทั้งนี้ ส าหรับคดีข้างต้นหากจ าเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ขายที่ดินให้แก่

                 บุคคลภายนอกไปแล้วได้เงินมาจ านวนหนึ่ง โจทก์จะขอคุ้มครองชั่วคราวให้อายัดเงินจ านวนนี้ โดยโจทก์ขอ

                 แก้ไขฟองนอกจากขอบังคับให้จ าเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน เป็นขอให้จ าเลยช าระเงินค่าเสียหาย
                       ้
                                                                                      ิ
                 ด้วยเช่นนี้ ผู้เขียนเห็นว่าตามพฤติการณ์ทั้งหมดเป็นกรณีมีเหตุจ าเป็นตามที่ศาลพเคราะห์เห็นเป็นการ
                 ยุติธรรมและสมควร ศาลน่าจะมีค าสั่งคุ้มครองชั่วคราวในจ านวนเงินที่เหมาะสมให้ได้ ตามประมวล
                 กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรามาตรา ๒๕๕ (๑) (ข)


                                          คดีที่สอง โจทก์ยื่นฟองจ าเลยเพอเรียกทรัพย์คืน อางว่าให้จ าเลยมีชื่อถือกรรมสิทธิ์
                                                                             ้
                                                             ื่
                                                   ้
                 และครอบครองทรัพย์แทนเท่านั้น ทรัพย์สินมีห้องชุด รถยนต์ บัญชีเงินฝาก มูลค่ารวมประมาณ
   245   246   247   248   249   250   251   252   253   254   255