Page 246 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 246
๒๓๓
๒. ฎีกาที่ ๙๒๐/๒๕๒๔ โจทก์ร้องขอให้ยึดทรัพย์สินของจ าเลยไว้ชั่วคราวก่อนพพากษา
ิ
่
เป็นการยื่นค าขอตาม ประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพงมาตรา ๒๕๔(๑) ซึ่งโจทก์มีหน้าที่จะต้องน า
ิ
สืบจนเป็นที่พอใจของศาลว่าจ าเลยตั้งใจจะโอนขายหรือจ าหน่ายทรัพย์สินของจ าเลยทั้งหมดหรือบางส่วน
้
หรือยักย้ายเสียให้พนอ านาจศาลตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๕๕(๑) (ก) เมื่อโจทก์น าสืบแต่เพียงว่าจ าเลยมี
ี่
หนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน จึงยังไม่มีเหตุเพียงพอที่ศาลจะสั่งให้ยึดทรัพย์สินของจ าเลยตามทขอได้
๓. ฎีกาที่ ๑๔๗๙/๒๕๒๐ โจทก์ฟองขอให้จ าเลยใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดและให้รื้อถอน
้
ิ
เสาไฟฟาแรงสูงที่ติดตั้งและเดินสายผ่ายที่ดินของโจทก์ โจทก์ยื่นค าร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพพากษา
้
อางว่า เสาไฟฟาดังกล่าวที่คนว่างอยู่ท าให้ก่อสร้างโรงภาพยนตร์และอาคารพาณิชย์ในที่ดินนั้นไม่ได้ โจทก์
้
้
ื่
เสียขาดรายได้ ขอให้สั่งจ าเลยย้ายเสาและสายไฟฟาจากที่เดิมเพอติดตั้งใหม่ในที่ดินของโจทก์ส่วนที่ไม่กีด
้
ขวางทางก่อสร้าง ค าขอดังกล่าวเท่ากับเป็นการข้อห้ามชั่วคราวมิให้จ าเลยกระท าซ้ าหรือกระท าต่อไปซึ่ง
การละเมิดตามฟอง ศาลควรจะต้องท าการไต่สวนและฟงข้อเท็จจริงว่ามีเหตุสมควรและเพยงพอที่จะสั่ง
ี
้
ั
ห้ามชั่วคราวดังกล่าวหรือไม่ ไม่ชอบที่จะสั่งยกร้องขอโดยไมท าการไต่สวน
่
ตามฎีกานี้จะเห็นได้ว่ากรณีเข้าหลักเกณฑ์ที่ว่าค าฟองมีมูลและมีเหตุเพยงพอที่จะน าวิธี
้
ี
คุ้มครองตามที่ขอนั้นมาใช้แล้ว ดังนั้น จึงต้องไต่สวนพยานโจทก์ต่อไปว่าจะเข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา ๒๕๔
(๒) ข้อ(ก) ที่ว่า จ าเลยตั้งใจจะกระท าซ้ าหรือกระท าต่อไปซึ่งการละเมิด หรือการกระท าที่ถูกฟองร้อง
้
หรือไม่ และข้อ (ข) ที่ว่า โจทก์จะได้รับความเดือดร้อนเสียหายต่อไปเนื่องจากการกระท าของจ าเลยหรือไม่
๔. ฎีกาที่ ๕๐๘/๒๔๙๒ การร้องขอให้ศาลมีค าสั่งคุ้มครองชั่วคราว ประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๕๔ นั้น ศาลจะมีค าสั่งอนุญาตโดยมิได้มีการไต่สวนก่อนมิได้
ฎีกาต่อไปนี้เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจสามารถน าไปปรับใช้แก่คดีได้
๑. ฎีกาที่ ๑๗๘/๒๕๕๑ จ าเลยตั้งโจทก์เป็นตัวแทนประสานงานเพอผลประโยชน์ของ
ื่
จ าเลยในการได้รับการจ้างงานในโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต่อมาจ าเลยเข้าเป็นคู่สัญญากับกิจการ
ร่วมค้าไอทีโอ อันเป็นผลจากการด าเนินการของโจทก์ตามสัญญาตั้งตัวแทน โจทก์มีสิทธิเรียกร้องอันเป็นมูล
้
หนี้ตามสัญญาดังกล่าวที่จะฟองร้องจ าเลยได้ คดีของโจทก์จึงมีมูลที่จะฟองร้อง ส่วนปัญหาว่าโจทก์
้
ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาตั้งตัวแทนหรือจ าเลยได้รับการจ้างเหมาช่วงงานดังกล่าวโดยไม่ได้เป็นผลจากการ
ปฏิบัติตามสัญญาของโจทก์หรือไม่ ยังเป็นที่โต้เถียงกันซึ่งต้องน าสืบพยานหลักฐานในชั้นพิจารณาต่อไป
แม้จ าเลยไม่ตั้งใจยักย้ายทรัพย์สินของตนไปให้พนจากอานาจตาม ประมวลกฎหมายวิธี
้
พิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๕๕(๑) (ก) แต่การที่จ าเลยไม่มีภูมิล าเนาในประเทศไทย ไม่มีส านักงานสาขาใน
ู
ประเทศไทย แม้เคยมีก็ปิดส านักงานสาขาไปแล้วเพราะใบอนุญาตประกอบกิจการของคนต่างด้าวไม่ถกต้อง
และจ าเลยไม่มีทรัพย์สินในประเทศไทยพอที่โจทก์จะบังคับคดีได้ ย่อมเป็นเหตุจ าเป็นอื่นที่เป็นการยุติธรรม
ิ
และสมควรที่จะคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพจารณามาตรามาตรา ๒๕๕(๑) (ข) จึงน าวิธี