Page 242 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 242

๒๒๙



                        ตัวอย่างค าสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จ าเลยกระท าซ้ าหรือกระท าต่อไปซึ่งการผิดสัญญา


                                                          ้
                               ๑. ฎีกา ๑๘๖๘/๒๕๔๘ โจทก์ฟองขับไล่จ าเลยและบริวารออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูก
                 สร้างของโจทก์ซึ่งจ าเลยเช่าโจทก์ แต่จ าเลยผิดสัญญาน าทรัพย์สินดังกล่าวไปให้ผู้อนเช่าช่วง และปลูกสร้าง
                                                                                    ื่
                 อาคารหรือยินยอมให้ผู้อนปลูกสร้างอาคารในที่ดินของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญาต โจทก์จึงยื่นค าร้องขอ
                                      ื่
                 คุ้มครองชั่วคราวในระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นมีค าสั่งห้ามจ าเลยน าทรัพย์สินของโจทก์ตามฟองไปให้ผู้อน
                                                                                                       ื่
                                                                                              ้
                                                                                       ื่
                 เช่าช่วงจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ค าสั่งดังกล่าวออกภายในขอบเขตแห่งความจ าเป็นเพอคุ้มครองโจทก์มิให้
                 เสียหายจากการกระท าผิดสัญญาของจ าเลย จึงชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา ๒๕๔(๒)

                               ๒. ฎีกาที่ ๗๐๔/๒๕๔๕ โจทก์ฟองว่าจ าเลยที่ ๑ ถึงที่ ๒๐ ขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้
                                                         ้
                 โจทก์แล้ว ต่อมาจ าเลยสมรู้ร่วมคิดกับจ าเลยที่ ๒๑ แสดงเจตนาลวงบุคคลภายนอกท านิติกรรมซื้อขายและ
                 จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมดเป็นของจ าเลยที่ ๒๑ จึงเห็นได้ว่าตามค าฟองของโจทก์หากจ าเลยที่
                                                                                    ้
                                                    ื่
                 ๒๑ โอนที่ดินพพาททั้งหมดให้แก่บุคคลอนในระหว่างพจารณาย่อมจะท าให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
                              ิ
                                                                 ิ
                 เพราะแม้โจทก์จะชนะคดีก็ไม่อาจโอนที่ดินพพาทกลับมาเป็นของโจทก์ได้ กรณีนับว่ามีเหตุจ าเป็นและ
                                                       ิ
                         ี
                                                                            ิ
                 สมควรเพยงพอที่ โจทก์จะขอให้ศาลมีค าสั่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพงมาตรา ๒๕๔ (๒)
                                                                                         ่
                                                                      ิ
                 ประกอบมาตรา ๒๕๕(๒) ห้ามมิให้จ าเลยที่ ๒๑ โอนที่ดินพพาทแก่บุคคลอนจนกว่าศาลจะมีค าสั่ง
                                                                                   ื่
                 เปลี่ยนแปลงโดยให้โจทก์วางเงินประกันค่าเสียหาย
                               ๓. ฎีกาที่ ๔๙๒๙/๒๕๔๐ โจทก์จ าเลยเข้าหุ้นกันประกอบกิจการภัตตาคาร มีข้อตกลงให้

                 โจทก์เก็บรายได้และรายจ่ายจากการประกอบกิจการซึ่งโจทก์จ าเลยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงตลอดมา
                 ๖ เดือน การที่จ าเลยห้ามโจทกและพนักงานของโจทก์จัดเก็บรายได้ตามข้อตกลงดังกล่าว เป็นเหตุให้โจทก์
                                          ์
                  ้
                 ฟองว่าจ าเลยผิดสัญญาและเรียกค่าเสียหาย เป็นกรณีที่ถือได้ว่าจ าเลยตั้งใจกระท าซ้ าและกระท าต่อไปซึ่ง
                 เป็นการผิดสัญญา กรณีมีเหตุผลเพยงพอที่จะน าวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพพากษามาใช้บังคับ ทั้งเป็น
                                                                                  ิ
                                              ี
                                                          ื่
                                ี
                                                                                              ื่
                 กรณีที่มีเหตุผลเพยงพอที่จะสั่งก าหนดวิธีการเพอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพจารณาเพอบังคับตาม
                                                                                     ิ
                 ค าพิพากษา
                               ตามฎีกาข้างต้นจะเห็นได้ว่าข้อเท็จจริงอาจปรับได้ทั้งมาตรา ๒๕๔ (๒) และ ๒๖๔

                 ศาลฎีกา จึงมีค าสั่งตามบทบัญญัติดังกล่าว ๒ ประการ คือ ๑. ห้ามจ าเลยหรือตัวแทนจ าเลยจัดเก็บรายได้
                                ี
                 และรายจ่ายแต่เพยงฝ่ายเดียว ๒. ให้โจทก์หรือตัวแทนของโจทก์และจ าเลยหรือตัวแทนของจ าเลยร่วมกัน
                 จัดเก็บรายได้และรายจ่ายในกิจการภัตตาคาร แล้วให้ร่วมกันท าบัญชีรายวันรายจ่ายเพื่อควบคุมรายได้และ

                 รายจ่ายในกิจการนั้น ในระหว่างพิจารณาคดีจนกว่าจะมีค าพิพากษา

                               ค าสั่งห้ามเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนชั่วคราวตามมาตรา ๒๕๔(๓) พบว่า มีค าพิพากษา

                 ฎีกาที่ ๖๙๐๘/๒๕๕๒ วินิจฉัยได้ว่า โจทก์ฟองขอให้จ าเลยทั้งสามแบ่งปันทรัพย์มรดกของ จ. ให้แก่โจทก์
                                                     ้
                 ตามพนัยกรรม โดยมีทรัพย์มรดกเป็นที่ดินและหุ้นบริษัทงานทวีพน้อง จ ากัด ซึ่งหุ้นดังกล่าวเจ้ามรดกได้ใส่
                      ิ
                                                                       ี่
                 ชื่อจ าเลยที่ ๑ ไว้ ระหว่างพจารณาจ าเลยที่ ๑ ถึงแก่ความตาย ต่อมาจ าเลยที่ ๒ ประสงค์ขอโอนหุ้นให้แก่
                                        ิ
   237   238   239   240   241   242   243   244   245   246   247