Page 252 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 252

๒๓๙



                                                              ิ
                 ฝ่ายนั้นชนะคดีทันที ทุกอย่างควรรอไว้สรุปในค าพพากษา ไม่สั่งให้เป็นผลดีหรือผลร้ายแก่ฝ่ายใด
                 ก่อนมีค าพพากษา แนวคิดที่สองคือ ค่อนข้างยืดหยุ่น สิ่งใดพอคุ้มครองให้ได้ ก็ให้ไป มองว่าเป็นขั้นตอนๆ
                          ิ
                                                                       ี
                              ิ
                 หนึ่ง ก่อนมีค าพพากษาเท่านั้น หากค าสั่งมีผลกระทบต่อคู่ความอกฝ่ายอย่างไร ก็ให้มีการวางเงินประกัน
                                                                                                  ิ
                 ความเสียหายไว้ตามพฤติการณ ด้วยความเคารพส่วนตัวผู้เขียนเห็นด้วยกับแนวคิดที่สอง ทั้งนี้ เมื่อพจารณา
                                          ์
                 ตัวบทกฎหมายอย่างแท้จริงแล้ว การสั่งค าร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีค าพพากษานั้นหลักการส าคัญคือ
                                                                                ิ
                 เงื่อนไข วิธีการคุ้มครอง และกรอบการให้ความคุ้มครองจะอยู่ในประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพง
                                                                                         ิ
                                                                                                       ่
                                                  ั
                 มาตรา ๒๕๔ (๑)-(๔) โดยมีเกณฑ์การฟงข้อเท็จจริงให้ได้ความตามมาตรา ๒๕๕ (๑)-(๔) กรณีอนุญาตศาล
                 จะออกค าสั่งแจ้งผู้เกี่ยวข้องทราบหรือมีเงื่อนไขใดๆ ก็ได้ตามมาตรา ๒๕๗ ผู้เขียนเห็นว่ามาตรา ๒๕๕


                 ผู้พพากษาส่วนใหญ่เข้าใจว่าต้องเป็นที่พอใจว่าจ าเลยจะยักย้ายทรัพย์ให้พนไปจากอานาจศาล หรือ ตั้งใจ
                    ิ
                                                                              ้
                                                                                  ั
                 กระท าซ้ าซึ่งการละเมิดเป็นหลัก จึงจะสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ ทั้งนี้เกณฑ์การฟงข้อเท็จจริงว่าจ าเลยตั้งใจ
                 จะยักย้ายทรัพย์นั้น ส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างเคร่งครัดถึงขนาดว่าต้องมีหลักฐานสัญญาจะซื้อจะขายระหว่าง
                 จ าเลยกับบุคคลภายนอก ซึ่งสภาพความเป็นจริงโจทก์คงไม่มีทางหามาเป็นพยานหลักฐานได้ ทั้งนี้หาก
                                                                       ื่
                  ิ
                                                                                       ิ
                 พจารณาในมาตรา๒๕๕ (๑) (ข) ยังบัญญัติว่า “เมื่อมีเหตุจ าเป็นอนใดตามที่ศาลจะพเคราะห์เห็นเป็นการ
                 ยุติธรรมและสมควร” และให้ใช้กับกรณีมาตรา ๒๕๕ (๒) (๓) ด้วย เท่ากับว่ากฎหมายให้อานาจศาลอย่าง

                 กว้างขวางในการที่จะออกค าสั่งคุ้มครองชั่วคราวได้บนพนฐานของความจ าเป็น ความยุติธรรมสมควร
                                                                 ื้
                 โดยให้ศาลเป็นผู้พเคราะห์ ซึ่งก็มีค าพากษาฎีกาปรับหลักตามมาตรานี้แล้วให้ความคุ้มครองคู่ความไปดัง
                                ิ
                                      ิ
                 ตัวอย่างในบทที่ ๒  (ค าพพากษาศาลฎีกาที่ ๑๗๘/๒๕๕๑) แต่โดยสภาพความเป็นจริงค าร้องขอคุ้มครอง
                 ชั่วคราวนั้น หากศาลชั้นต้นมีค าสั่งยกค าร้องแล้ว คดีมักจะไม่ค่อยขึ้นมาถึงศาลอทธรณ์หรือศาลฎีกาเพราะ
                                                                                   ุ
                 ความต้องการแท้จริงของคู่ความคือ ต้องการความคมครองในขณะนั้นให้ทันท่วงที ไม่ใช่ต้องรอเวลาจนกว่า
                                                           ุ้
                                                                           ิ
                 ศาลสูงจะมีค าสั่ง ย่อมไม่ทันการ ท้ายสุดนี้ ผู้เขียนจึงขอเสนอแนะให้ผู้พพากษาและผู้บริหารศาลซึ่งมีหน้าที่
                 ให้ค าปรึกษาแก่เจ้าของส านวนในการท าค าสั่งเกี่ยวกับค าร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพพากษาได้ศึกษา
                                                                                          ิ
                 ให้เข้าใจถึงแก่นแท้ความเดือดร้อนของคู่ความ ยิ่งกว่านั้นตัวบทกฎหมายมาตรา ๒๕๕ (๑)(ข) ยังบัญญัติ
                 อย่างเปิดกว้างให้ศาลมีค าสั่งคุ้มครองชั่วคราวได้เพอความเป็นธรรม หากศาลน าบทกฎหมายที่มีอยู่ดังกล่าว
                                                          ื่
                 มาปรับใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์แก่คู่ความที่มาศาลอย่างสุจริตและเป็นการ
                 อ านวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนได้อย่างแท้จริง
   247   248   249   250   251   252   253   254   255   256   257