Page 258 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 258

๒๔๕




                     ความผิดแตกต่างจากการปฏิบัติต่อผู้ใหญ่ที่กระท าความผิดที่ส าคัญหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
                     มาตราการในการผลักดันเด็กและเยาวชนที่กระท าความผิดออกจากกระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอน

                     ปกติ (Diversion from Criminal Justice System) มาตรา ๖๓ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชน



                                        ิ
                     และครอบครัวและวิธีพจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งให้อานาจผู้อานวยการสถาน
                      ิ
                                                                                                ้
                                                                                    ิ
                                               ิ
                                                                   ้
                                                                             ั
                     พนิจและคุ้มครองเด็ก ใช้ดุลพนิจท าความเห็นสั่งไม่ฟองส่งไปให้อยการพจารณาสั่งไม่ฟองเด็กหรือ
                     เยาวชนที่กระท าความผิด บทบัญญัติดังกล่าวเป็นกระบวนการกลั่นกรองคดี (Screening Process)
                                                       ิ
                                                               ิ
                     ไม่ให้คดีบางประเภทเข้าสู่กระบวนการพจารณาพพากษาคดีของศาล แต่อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่จัดตั้ง
                     ศาลเยาวชนและครอบครัว ครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๔ ยังไม่เคยมีการน ามาตรการดังกล่าวมาปฏิบัติ
                     เลย   ทั้งนี้เนื่องจากความไม่ชัดเจนของบทบัญญัติของกฎหมาย ท าให้เกิดปัญหาหลายประการ เช่น
                        ๘
                                                                                             ิ
                     เรื่องการตีความบทบัญญัติที่ว่า “เด็กหรือเยาวชนยินยอมอยู่ในความควบคุมของสถานพนิจ” ซึ่งจะต้อง
                     ตีความหมายว่าเด็กหรือเยาวชนจะต้องเข้าไปอยู่ในสถานพนิจหรือไม่ ถ้าหากตีความว่าจะต้องเข้าไปอยู่
                                                                     ิ
                              ิ
                     ในสถานพนิจเลยเหมือนกับเด็กหรือเยาวชนที่ถูกควบคุมตัวไว้ระหว่างการพจารณาโดยไม่ได้รับการ
                                                                                      ิ
                     ประกันตัว มาตรานี้คงไม่อาจน ามาใช้ได้เนื่องจากจะไม่มีเด็กหรือเยาวชนผู้ใดยินยอม   และในการ
                                                                                              ๙
                      ิ
                     พจารณาว่าเด็กหรือเยาวชนผู้ใดมีความเหมาะสมที่จะใช้มาตรการนี้ก็เป็นไปได้ยากในทางปฏิบัติและท า
                     ให้ประชาชนทั่วไปมีความรู้สึกว่าไม่มีความยุติธรรม  ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๕๓ มีการประกาศใช้
                                                                    ๑๐
                     พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ และมี

                                                                          ิ
                     บทบัญญัติเกี่ยวกับมาตราการดังกล่าวในหมวด ๗ มาตรการพเศษแทนการด าเนินคดีอาญา(Special
                     Measure In Lieu of Criminal Prosecution) มาตรา ๘๖ ชั้นก่อนฟ้องและมาตรา ๙๐ ในชั้นพิจารณา

                     พพากษาของศาล ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับบทบัญญัติดังกล่าวแต่มีการแก้ไขปรับปรุงบทบัญญัติให้มี
                      ิ
                     ความชัดเจนมากยิ่งขึ้นจนสามารถน ามาใช้ได้ในทางปฏิบัติ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ มีการน ามาตรการดังกล่าว

                                                        ๑๑
                     ในมาตรา ๙๐ มาใช้ทั้งหมด รวม ๕๙๔ คดี  แต่เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนพิจารณา
                      ิ
                     พพากษาของศาลแล้วถือว่ามีการน ามาตรการนี้มาใช้น้อยมาก จึงส่งผลให้ศาลเยาวชนและครอบครัว
                     ยังคงสิ้นเปลืองบุคคลากรและเวลาในการพิจารณาพพากษาคดีและย่อมต้องส่งผลให้เด็กและเยาวชนเสีย
                                                               ิ
                                                                                              ๑๒
                                                                                                  ี
                             ั
                     ประวัติ อนเป็นการไม่สอดคล้องกับเจตนารมย์ในการจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัว  อกทั้งยังไม่

                            ๘  อดิศร ตรีเนตร, “อ านาจผู้อ านวยการสถานพินิจในการท าความสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่เด็กหรือเยาวชน
                     กระท าผิด,” (ปริญญานิติศาสตรมหาบัณฑิต ภาควิชานิติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,๒๕๔๓),
                     หน้า ๔
                            ๙  นิพนธ์ ใจส าราญ,ส านักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา: รวมค าบรรยายภาคสอง สมัยที่ ๕๑ ปี

                                                            ั
                     การศึกษา ๒๕๔๑ (กรุงเทพมหานคร :ห้างหุ้นส่วนจ ากด จิรรัชการพิมพ์,๒๕๔๒), หน้า ๒๖๒
                            ๑๐  บุญเพราะ แสงเทียน,ค าบรรยายกฎหมายเกี่ยวกับการกระท าผิดของเด็กและเยาวชน(ม.ป.ท. :๒๕๔๐), หน้า ๑๖๓

                            ๑๑  รายงานสถิติคดีศาลยุติธรรมทั่วราชอาญาจักร ประจ าปี พ.ศ.๒๕๖๒, หน้า ๒๐๓
                            ๑๒  นิพนธ์ ใจส าราญ,ส านักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา: รวมค าบรรยายภาคสอง สมัยที่ ๕๑ ปี
                     การศึกษา ๒๕๔๑ (กรุงเทพมหานคร :ห้างหุ้นส่วนจ ากด จิรรัชการพิมพ์,๒๕๔๒), หน้า ๒๖๒
                                                            ั
   253   254   255   256   257   258   259   260   261   262   263