Page 489 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 489
๔๗๗
้
๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ ทวิ, ๑๕๗/๑ ซึ่งเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ดังนั้น ค าฟองของ
โจทก์จึงเป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษจ าเลยในความผิดตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษอยู่ด้วย
คดีนี้จึงเป็นความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๕
ิ
ซึ่งศาลอุทธรณ์มีอ านาจพิจารณาพพากษาคดีได้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจ าเลยตามพระราชบัญญัติ
จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕๗/๑ วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.
๒๕๒๒ มาตรา ๙๑ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด และตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.
๒๕๒๒ มาตรา ๑๕๗/๑ วรรคสอง ก็บัญญัติให้ต้องระวางโทษสูงกว่าที่ก าหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วย
ุ
ี
ยาเสพติดให้โทษอกหนึ่งในสาม จึงมีผลเท่ากับศาลอทธรณ์พพากษาลงโทษจ าเลยในการกระท าซึ่งเป็น
ิ
ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดนั่นเอง ดังนั้น ค าพพากษาศาลอทธรณ์จึงเป็นที่สุดตามพระราชบัญญัติวิธี
ุ
ิ
พจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว หาก
ิ
จ าเลยจะฎีกาจะต้องยื่นค าขอโดยท าเป็นค าร้องไปพร้อมกับฎีกาต่อศาลฎีกาภายในก าหนดหนึ่งเดือนนับแต่
ิ
่
ุ
ื่
วันอานค าพพากษาศาลอทธรณ์ เพอขอให้พจารณารับฎีกาไว้วินิจฉัยตามพระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดี
ิ
ิ
ยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๙ วรรคหนึ่ง ไม่ใช่ยื่นค าร้องขอให้ผู้พพากษาซึ่งพจารณาหรือลงชื่อในค า
ิ
ิ
พพากษาในศาลชั้นต้นหรือศาลอทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธี
ิ
ุ
ิ
ิ
ิ
พจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๑ แต่อย่างไรก็ตาม การที่จ าเลยยื่นค าร้องขอให้ผู้พพากษาซึ่งพจารณา
และลงชื่อในค าพพากษาในศาลชั้นต้นหรือศาลอทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เนื่องจากเป็น
ิ
ุ
้
การปฏิบัติตามแนวค าสั่งค าร้องของศาลฎีกาที่เคยวินิจฉัยว่า การกระท าตามฟองมิใช่ความผิดเกี่ยวกับ
ยาเสพติด เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม กรณีค าร้องดังกล่าวพอแปลได้ว่า จ าเลยประสงค์ที่จะขอให้ศาล
ิ
ิ
ฎีกาพจารณารับฎีกาในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดไว้วินิจฉัยตามพระราชบัญญัติวิธีพจารณาคดียาเสพติด
พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๙ วรรคหนึ่ง ศาลฎีกา เห็นว่า ข้อความที่ตัดสินไม่เป็นปัญหาส าคัญที่ศาลฎีกาควรจะ
ได้วินิจฉัย จึงไม่อนุญาตให้ฎีกา ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จ าเลยฎีกาและรับฎีกาของจ าเลยมานั้นจึงเป็นการ
ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาของจ าเลย
พิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๓๗๒/๒๕๕๖
โจทก์ฟองขอให้ลงโทษจ าเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔,
้
๗, ๘, ๕๗, ๙๑, ๙๗ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ ทวิ, ๑๕๗/๑ และเพ่มโทษ
ิ
จ าเลยกึ่งหนึ่งตามกฎหมาย
จ าเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจ าเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ
ิ
ศาลชั้นต้นพพากษาว่า จ าเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒
มาตรา ๕๗, ๙๑ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ ทวิ วรรคหนึ่ง, ๑๕๗/๑ วรรคสอง
การกระท าของจ าเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติ
จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕๗/๑ วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.