Page 559 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 559
๕๔๗
ิ
ต่อศาลที่พจารณาคดีอาญาขอให้บังคับจ าเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนก็ได้" เป็นบทบัญญัติที่มี
่
เจตนารมณ์จะช่วยให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายในทางแพงได้รับความสะดวกรวดเร็วในการได้รับค่าสินไหม
ทดแทน และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการด าเนินคดีแพ่งเป็นอีกคดีหนึ่ง ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาจะได้เสร็จสิ้น
ในคราวเดียวกัน โดยให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายยื่นค าร้องเข้ามาในคดีอาญาทุกประเภทที่พนักงานอยการ
ั
ื่
่
ิ
เป็นโจทก์ต่อเนื่องไปได้ เพอให้การพจารณาคดีส่วนแพงเป็นไปโดยรวดเร็ว ดังที่ปรากฏในหมายเหตุท้าย
พระราชบัญญัติแก้ไขเพมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๒๔) พ.ศ. ๒๕๔๘ ความว่า
ิ่
่
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากการด าเนินคดีแพงที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาใน
ิ
ั
ั
ี
คดีที่พนักงานอยการเป็นโจทก์ ประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญาบัญญัติให้พนักงานอยการมีเพยง
อานาจในการเรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหายในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์บางประเภทเท่านั้น
ผู้เสียหายซึ่งได้รับความเสียหายจากการกระท าความผิดของจ าเลย ต้องไปด าเนินคดีส่วนแพงเพอเรียก
ื่
่
ื่
ั
ค่าสินไหมทดแทนอนด้วยตนเอง และต้องเสียค่าธรรมเนียมในการเรียกค่าสินไหมทดแทนอนเป็นภาระ
ยิ่งขึ้นให้แก่ผู้เสียหาย ดังนั้น สมควรแก้ไขเพมเติมประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญาให้ผู้เสียหายมี
ิ
ิ่
สิทธิยื่นค าร้องขอให้จ าเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในคดีอาญาทุกประเภทที่พนักงานอยการเป็นโจทก์
ั
ื่
่
ต่อเนื่องไปได้เพอให้การพจารณาคดีส่วนแพงเป็นไปโดยรวดเร็ว รวมทั้งยกเว้นค่าธรรมเนียมส าหรับการ
ิ
ื่
ด าเนินคดีดังกล่าวเพอลดภาระให้แก่ผู้เสียหาย จึงจ าเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ ดังนี้ แม้ตามประมวล
ิ
กฎหมายวิธีพจารณาความอาญาได้มีค าอธิบายค าว่าผู้เสียหายไว้ในมาตรา ๒ (๔) ซึ่งบัญญัติว่า "ผู้เสียหาย
หมายถึง บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระท าผิดฐานใดฐานหนึ่ง รวมทั้งบุคคลอนที่มีอานาจ
ื่
จัดการแทนได้ ดั่งที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๔, ๕ และ ๖" แต่ข้อความตามมาตรา ๔๔/๑ ที่บัญญัติให้ผู้เสียหาย
มีสิทธิที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนได้นั้น ย่อมมีความหมายในตัวว่า หมายถึงผู้ที่มีสิทธิเรียกค่าสินไหม
ทดแทน จึงมีความหมายที่แตกต่างขัดกับความหมายของผู้เสียหายที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒ (๔) การตีความ
ค าว่าผู้เสียหายตามมาตรา ๔๔/๑ จึงไม่ต้องถือความหมายเช่นเดียวกับมาตรา ๒ (๔) ทั้งนี้ เป็นไปตาม
ิ
ประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๑ ที่บัญญัติว่า "ในประมวลกฎหมายนี้ ถ้าค าใดมี
ค าอธิบายไว้แล้วให้ถือตามความหมายดังได้อธิบายไว้ เว้นแต่ข้อความในตัวบทจะขัดกับค าอธิบายนั้น"
่
ิ
ดังนั้น การพจารณาว่าผู้ใดจะมีสิทธิยื่นค าร้องต้องพจารณาจากสิทธิในทางแพง ไม่ใช่กรณีที่จะน า
ิ
ความหมายของค าว่า ผู้เสียหายในทางอาญา เช่น เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย หรือผู้มีอานาจจัดการแทนตาม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๕ (๒) มาใช้บังคับ
การที่ศาลฎีกาวางหลักในเรื่องผู้เสียหายที่จะมีสิทธิยื่นค าร้องขอเรียกค่าสินไหมทดแทนในคดีอาญา
ิ
ไม่จ าต้องเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย ด้วยอาศัยเหตุค าว่า ผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความ
อาญา มาตรา ๔๔/๑ หมายถึง ผู้เสียหายที่มีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทน โดยพจารณาจากสิทธิในทางแพ่ง
ิ
แตกต่างจากค าว่า ผู้เสียหาย ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒ (๔) อันเป็นการวางหลักการที่ตรงกับเจตนารมณ์