Page 695 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 695

๖๘๓




                                                                         ๕
                                     ิ
                                                                                              ิ
                 ส านวนจะเข้าใจว่าค าพพากษาของตนเป็นธรรมและถูกต้องแล้ว   แม้ประเด็นนี้จะมีค าพพากษาฎีกาที่
                 ๔๖๙๐/๒๕๔๓ วินิจฉัยวางแนวไว้แล้วว่า “ดอกเบี้ยส่วนที่เกินกว่าดอกเบี้ยระหว่างที่คู่สัญญาปฏิบัติตาม
                 สัญญาเท่านั้นที่เป็นเบี้ยปรับซึ่งถ้าศาลเห็นว่าสูงเกินส่วน ศาลจะลดลงเป็นจ านวนพอสมควรก็ได้ แต่จะลดลง

                                                                              ิ
                 เหลือน้อยกว่าดอกเบี้ยระหว่างสัญญาไม่ได้” เมื่อน าปัญหาข้างต้นไปพจารณาเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของ
                 สังคมไทยที่มีกระแสเรียกร้องให้ก าหนดส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้ – เงินฝาก ประกอบกันกับวัตถุประสงค์การ

                                                                ่
                 ตราพระราชก าหนดแก้ไขเพมเติมประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์ พ.ศ.๒๕๖๔ ศาลจึงควรที่จะทราบ
                                         ิ่
                                                                      ิ
                                                                             ิ
                                                                                                      ั
                                                            ิ
                                ื่
                 ปัญหาที่เกิดขึ้นเพอค้นคว้าหากรอบแห่งการใช้ดุลพนิจในการพจารณาพพากษาคดีในส่วนที่เกี่ยวกับอตรา
                 ดอกเบี้ยผิดนัดในหนี้เงินรวมถึงรูปแบบค าพพากษาให้เหมาะสมกับบริบทสังคมไทยที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่ง
                                                      ิ
                                            ั
                 รศ.ดร.ศนันท์กรณ์(จ าปี)  โสตถิพนธ์ นักวิชาการทางด้านกฎหมายคนหนึ่งก็ได้แสดงความเห็นไว้ว่า “เรื่องเบี้ย
                 ปรับที่ศาลสามารถจะพจารณาลดลงได้ตามความยุติธรรมจะต้องชั่งน้ าหนักระหว่างหลักเสรีภาพในการท า
                                    ิ
                 สัญญา (Freedom of contract) ที่คู่สัญญาสามารถที่จะก าหนดเนื้อหาของสัญญาอย่างไรก็ได้ ประกอบกับ
                 หลักในการคุ้มครองตนเอง (autotutela) ของผู้มีสิทธิได้เบี้ยปรับด้านหนึ่ง และหลักความยุติธรรม ประกอบ

                 กับหลักความเหมาะสมและความได้สัดส่วนที่คู่สัญญาฝ่ายที่มีสิทธิได้รับเบี้ยปรับไม่ควรจะได้รับมากเกินกว่า

                                                               ่
                 ความเสียหายนั้น การที่บทบัญญัติประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์เลือกที่จะให้ศาล จึงเท่ากับให้น้ าหนัก
                 กับหลักความยุติธรรมประกอบกับหลักความเหมาะสมและความได้สัดส่วน อันมีผลเป็นการจ ากัดเสรีภาพของ

                 คู่สัญญาภายหลังจากที่สัญญาได้เกิดแล้ว”
                                                   ๖


                 แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง

                        ทฤษฎีทางนิติศาสตร์ตั้งแต่ที่กฎหมายโรมันสร้างทฤษฎี “หลักเสรีภาพในการแสดงเจตนา”
                 (Freedom of contract) และบุคคลที่แสดงเจตนานั้นแล้วก็จะต้องผูกพนและมีผลบังคับตามสัญญา (Pacta
                                                                            ั
                 sunt servanda) ทฤษฎีนี้วางมุมมองถึงความสุจริต ตรงไปตรงมาอย่างจริงใจซึ่งกันและกันของบุคคลซึ่งเข้า

                 ท าสัญญา หลักกฎหมายโรมันดังกล่าวมีการสืบทอดมายังประเทศที่ใช้ระบบกฎหมายคอมมอนลอว์
                 (Common Law System)  ประกอบกับประเทศต่าง ๆ เหล่านี้ต่างใช้ระบบเศรษฐกิจภายในประเทศที่เป็น

                 ลักษณะเสรีนิยม (Laissez – Faire) ซึ่งเป็นแนวคิดหลักทางเศรษฐศาสตร์ของส านักคลาสสิก (Classical School)
                 แนวคิดนี้มีความเห็นว่ารัฐไม่ควรเข้าไปแทรกแซงเสรีภาพในการประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจรวมถึงไม่ควร

                 มีกฎหมายจ ากัดสิทธิของเอกชนโดยปล่อยให้เอกชนเป็นผู้ด าเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเสรี ขณะเดียวกัน

                 ประเทศที่ใช้ระบบประมวลกฎหมาย  (Civil Law System)  ถือ “หลักความศักดิ์สิทธิ์ของการแสดงเจตนา”
                                                                                        ิ
                 (Autonomy of the Will) ซึ่งวางมุมมองว่า สัญญาที่ก่อให้เกิดหนี้จะต้องให้บุคคลมีอสระในการท าสัญญา


                        ๕  สฤษฎ์  กลั่นสุภา. (๒๕๕๔)./ “ปัญหาการปรับบทกฎหมายในคดีผิดสัญญาช าระหนี้เงิน : ศึกษากรณีดอกเบี้ยผิด
                 นัดและเบี้ยปรับ”./ วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. กรุงเทพฯ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์. หน้า ๑๓๐
                        ๖  รศ.ดร.ศนันท์กรณ์(จ าปี)  โสตถิพันธ์ (๒๕๔๙) ค าอธิบายนิติกรรม-สัญญา (พิมพ์ครั้งที่ ๑๑) กรุงเทพฯ วิญญูชน. หน้า ๔๒๔
   690   691   692   693   694   695   696   697   698   699   700