Page 697 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 697
๖๘๕
ั
ไม่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันประกอบกับการให้กู้ยืมที่มีการเรียกดอกเบี้ยเกินอตรา
ื่
หรือมีการเรียกเอาประโยชน์อย่างอนนอกจากดอกเบี้ยยังเกิดขึ้นเป็นจ านวนมาก พระราชบัญญัติฉบับใหม่นี้
ยังคงสาระเดิมของพระราชบัญญัติฉบับเก่า และยังเพมหลักการใหม่ในมาตรา ๔ (๒) ที่บัญญัติว่า “ก าหนด
ิ่
ื่
ื่
ั
ข้อความอนเป็นเท็จในเรื่องจ านวนเงินกู้หรือเรื่องอน ๆ ไว้ในหลักฐานการกู้ยืมหรือตราสารที่เปลี่ยนมือได้เพอ
ิ
ปิดบังการเรียกดอกเบี้ยเกนอัตราที่กฎหมายก าหนดและมาตรา ๔ (๓) ที่บัญญัติว่า “ก าหนดจะเอาหรือรับเอา
ื่
ซึ่งประโยชน์อย่างอนนอกจากดอกเบี้ย ไม่ว่าจะเป็นเงิน หรือสิ่งของหรือโดยวิธีการใด ๆ จนเห็นได้ชัดว่า
ั
ประโยชน์ที่ได้รับนั้นมากเกินส่วนอนสมควรตามเงื่อนไขแห่งการกู้ยืมเงิน” อย่างไรก็ดี ดอกเบี้ยเงินกู้อตรา
ั
ร้อยละไม่เกิน ๑๕ ต่อปีดังกล่าวใช้บังคับระหว่างบุคคลธรรมดาด้วยกันเท่านั้น หาได้ครอบคลุมถึงสถาบัน
การเงินซึ่งตกอยู่ภายใต้บังคับการเรียกดอกเบี้ยตามพระราชบัญญัติดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน
พ.ศ.๒๕๒๓ ซึ่งมีมาตรา ๔ บัญญัติว่า “รัฐมนตรีโดยค าแนะน าของธนาคารแห่งประเทศไทยมีอานาจก าหนด
อตราดอกเบี้ยที่สถาบันการเงิน อาจคิดจากผู้กู้ยืมหรือคิดให้ผู้ให้กู้ยืมให้สูงกว่าร้อยละสิบห้าต่อปีได้” ซึ่ง
ั
ั
กระทรวงการคลังก็ได้มีการประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การก าหนดสถาบันการเงินและอตราดอกเบี้ย
ที่สถาบันการเงินอาจคิดได้จากผู้กู้ยืมหลายฉบับแล้วจนถึงปัจจุบันโดยมีผลให้สถาบันการเงินเรียกดอกเบี้ย
กู้ยืมและดอกเบี้ยผิดนัดเกินกว่าร้อยละ ๑๕ ต่อปีภายใต้ประกาศดังกล่าว ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเคยมีค าวินิจฉัย
ที่ ๑๓/๒๕๔๕ ว่าพระราชบัญญัติดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน พ.ศ.๒๕๒๓ มาตรา ๔ ไม่ได้ขัดหรือ
แย้งต่อรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้กระทรวงการคลังก็ได้มีประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การก าหนดสถาบัน
ั
การเงินและอตราดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินอาจคิดได้จากผู้กู้ยืม รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้มีการ
ประกาศเกี่ยวกับอตราดอกเบี้ยปกติและดอกเบี้ยผิดนัดหลายครั้งหลายอตรามาโดยตลอด โดยเฉพาะล่าสุด
ั
ั
ธนาคารแห่งประเทศไทยมีประกาศเรื่องการคิดดอกเบี้ยผิดนัดช าระหนี้และการตัดช าระหนี้ โดยระบุเหตุใน
ื่
การออกประกาศว่า เพอช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการทางการเงินต่อระบบการเงินของ
ประเทศไทยและสนับสนุนให้ผู้ให้บริการทางการเงินด าเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว รวมทั้งช่วยรักษา
ความสมดุลระหว่างการรักษาวินัยทางการเงิน ความเป็นธรรมและไม่เพมภาระจนเกินสมควรแก่ผู้ใช้บริการ
ิ่
่
โดยเฉพาะการก าหนดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมบนหลักการส าคัญ ๔ ประการ ได้แก (๑) ต้องสะท้อนต้นทุน
จริงจากการให้บริการ (๒) ต้องไม่เป็นภาระต่อผู้ใช้บริการจนเกินสมควรและค านึงถึงความสามารถในการ
ช าระหนี้ของผู้ใช้บริการ (๓) ต้องไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมซ้ าซ้อน และ (๔) ต้องเปิดเผยอตราค่าธรรมเนียม
ั
ื่
๙
อย่างชัดเจน การพยายามที่จะควบคุมอัตราดอกเบี้ยของคู่สัญญาเพอไม่ให้เกินสมควรมาเป็นระยะเวลานาน
ข้างต้นแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ปล่อยให้การก าหนดดอกเบี้ยของบุคคลหรือ
สถาบันการเงินหรือธนาคารเป็นไปตามหลักเสรีภาพในการแสดงเจตนาหรือหลักความศักดิ์สิทธิ์ของการแสดง
เจตนาอย่างเต็มที่
๙ ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกส๒. ๙/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๓