Page 699 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 699
๖๘๗
วันที่ได้ส่งเสร็จ แม้ตามมาตรา ๑๑๒๓ บัญญัติว่า “ถ้าผู้ถือหุ้นคนใดละเลยไม่ส่งใช้เงินที่เรียกค่าหุ้นตาม
วันก าหนด กรรมการจะส่งค าบอกกล่าวด้วยจดหมายส่งลงทะเบียนไปรษณีย์ไปยังผู้นั้น ให้ส่งใช้เงินที่เรียกเก็บ
ิ
กับทั้งดอกเบี้ยด้วยก็ได้” ก็มิได้หมายความว่าหากโจทก์ไม่ได้แจ้งเรื่องการคดดอกเบี้ยในหนังสือบอกกล่าวที่ส่ง
ให้แก่จ าเลยที่ ๒ ถึงที่ ๘ แล้วจะท าให้โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยผิดนัด แต่มาตรา ๗ บัญญัติว่า “ถ้าจะต้อง
ั
เสียดอกเบี้ยแก่กันและมิได้ก าหนดอตราดอกเบี้ยไว้โดยนิติกรรมหรือโดยบทกฎหมายอนชัดแจ้ง ให้ใช้อตรา
ั
ั
ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี” และมาตรา ๒๒๔ บัญญัติว่า “หนี้เงินนั้น ท่านให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัด
ร้อยละเจ็ดกึ่งต่อปี...” ผู้ถือหุ้นจึงต้องเสียดอกเบี้ยอตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีแก่โจทก์ นับแต่วันที่ก าหนดส่งใช้
ั
เงินค่าหุ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๒๒ ประกอบมาตรา ๗ และมาตรา ๒๒๔”
ฎีกาที่ ๑๖๐๘/๒๕๕๒ วินิจฉัยว่า “การที่สัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด ข้อ ๑๑ ก าหนดให้จ าเลย
คืนเงินที่โจทก์ช าระมาแล้วทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยตามอัตราเงินฝากประจ าของธนาคารพาณิชย์ซึ่งไม่ชัดแจ้งว่า
มีอัตราเท่าใด จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗ ที่ให้ใช้อัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี”
ฎีกาที่ ๘๑๖๘/๒๕๕๑ วินิจฉัยว่า “ธนาคาร ก. ประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์มีสิทธิคิดดอกเบี้ย
จากลูกค้าในอตราสูงสุดตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยและพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ฯ
ั
ั
มาตรา ๑๔ เมื่อข้อตกลงตามสัญญากู้ยืมที่ธนาคาร ก. ท ากับจ าเลยก าหนดอตราดอกเบี้ยเกินกว่าอตรา
ั
ดอกเบี้ยตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การก าหนดให้ธนาคารพาณิชย์ปฏิบัติในเรื่องดอกเบี้ย
และส่วนลด และประกาศธนาคาร ก. เรื่องดอกเบี้ยและส่วนลดให้สินเชื่อ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสินทรัพย์
หนี้สินรายจ าเลยมาและคิดดอกเบี้ยตามประกาศทั้ง ๒ เรื่องดังกล่าวที่ธนาคาร ก. มีสิทธิเรียกจากลูกค้าได้
ในขณะท าสัญญานั้นจึงเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ฯ มาตรา ๑๔ เป็นการ
ั
ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอตราฯ มาตรา ๓ (ก) การก าหนดอตราดอกเบี้ยตาม
ั
สัญญากู้เงินดังกล่าวร้อยละ ๑๙ ต่อปี จึงเป็นโมฆะ แม้ตามความเป็นจริงธนาคาร ก. จะคิดดอกเบี้ยภายใน
กรอบของประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยและประกาศธนาคาร ก. ซึ่งไม่ถึงร้อยละ ๑๙ ต่อปี ก็ไม่อาจท าให้
ข้อตกลงเรื่องดอกเบี้ยที่ตกเป็นโมฆะกลับกลายเป็นข้อตกลงที่ชอบด้วยกฎหมายไปได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับ
ั
ให้จ าเลยรับผิดช าระดอกเบี้ยก่อนผิดนัด แต่เมื่อเป็นหนี้เงินโจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดในอตรา
ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๒๔ วรรคหนึ่ง”
ส่วนสถาบันการเงินหรือธนาคารจะมีพระราชบัญญัติดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน พ.ศ.๒๕๒๓
พระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.๒๕๐๕ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การก าหนดสถาบันการเงิน
๑๒
และอตราดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินอาจคิดได้จากผู้กู้ยืมซึ่งมีฉบับล่าสุดเป็นฉบับที่ ๑๕ และประกาศ
ั
ธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การปฏิบัติในเรื่องดอกเบี้ย ส่วนลด ค่าบริการต่าง ๆ และเบี้ยปรับ
๑๒ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการก าหนดสถาบันการเงินและอัตราดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินอาจคิดได้จากผู้
กู้ยืม (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๙