Page 956 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 956
๙๔๔
ิ
ื้
ส าหรับกระบวนการพจารณาค าร้องขอรื้อฟนคดีอาญาขึ้นพจารณาใหม่ของประเทศ
ิ
สหรัฐอเมริกา ถ้าเป็นคดีที่พิจารณาเสร็จสิ้นแล้วเป็นอ านาจของศาลเจ้าของคดีเดิมที่จะสั่งให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมา
ุ
ุ
ิ
พจารณาใหม่ได้ แต่ถ้ามีการอทธรณ์ที่สมบูรณ์แล้ว ย่อมเป็นอานาจของศาลที่พจารณาอทธรณ์ การยื่นค าขอ
ิ
ิ
ิ
ื้
ให้ศาลรื้อฟนคดีขึ้นพจารณาใหม่ โดยหลักให้ยื่นต่อผู้พพากษาซึ่งพจารณาคดีนั้นมาแล้ว เพราะเป็นผู้ที่
ิ
ื้
ทราบเรื่องดี เว้นแต่จะมีกฎหมายก าหนดไว้เป็นอย่างอื่น ส าหรับก าหนดระยะเวลาในการยื่นค าขอให้รื้อฟน
คดีขึ้นพจารณาใหม่นั้น โดยปกติจะต้องยื่นภายหลังที่ลูกขุนชี้ขาด หรือศาลหรือผู้ชี้ขาดมีค าพพากษาหรือ
ิ
ิ
ค าสั่งแล้ว และค าขอนี้จะต้องท าเป็นค าร้อง คือต้องท าเป็นหนังสือระบุข้อผิดพลาดที่คู่ความถือเป็นเหตุขอ
รื้อฟนคดีขึ้นพจารณาใหม่ และในกรณีที่ศาลมีค าสั่งให้พจารณาคดีใหม่แล้ว ค าสั่งนั้นย่อมมีผลเสมือนหนึ่ง
ิ
ื้
ิ
ิ
ิ
ว่ายังไม่มีการพจารณาคดีในเรื่องนั้นมาเลย และท าให้ค าพพากษาเดิมสิ้นผลไปในตัว แต่ถ้าศาลสั่งไม่
อนุญาต ให้ถือว่าค าพิพากษานั้นถึงที่สุดแล้ว
๕
ประเทศญี่ปุ่น
ปัจจุบันการรื้อฟื้นคดีในญี่ปุ่นนั้นเป็นไปตามกฎหมายของฝรั่งเศส กล่าวคือ การรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณา
ใหม่สามารถท าได้เฉพาะในกรณีที่จะเป็นคุณแก่จ าเลยเท่านั้น โดยมีเหตุในการขอให้รื้อฟื้นคดีได้ ๗ กรณี ดังนี้
ิ
ิ
(๑) เมื่อค าพพากษาเดิมได้ตัดสินโดยอาศัยพยานเอกสารหรือพยานวัตถุ ซึ่งต่อมาได้มีการพสูจน์
โดยค าพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นพยานหลักฐานปลอมหรือถูกเปลี่ยนแปลง
(๒) เมื่อค าพพากษาเดิมได้ตัดสินโดยอาศัยค าให้การของพยาน ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญซึ่ง
ิ
ต่อมาได้รับการพิสูจน์ในภายหลังโดยค าพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นค าให้การหรือเป็นค าเบิกความที่เป็นเท็จ
ิ
(๓) เมื่อได้รับการพสูจน์โดยค าพพากษาถึงที่สุดว่า บุคคลหนึ่งบุคคลใดได้กล่าวหาจ าเลยโดย
ิ
ไม่เป็นความจริง และการกล่าวหาที่เป็นเท็จเป็นผลให้จ าเลยถูกฟ้องในคดีนั้น
ิ
่
(๔) เมื่อค าชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีของค าพพากษาในคดีกอนนั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลงโดยค าชี้ขาด
ถึงที่สุด
(๕) เมื่อสิทธิในทางสิทธิบัตรหรือในทางรูปแบบเครื่องหมายการค้าหรือลิขสิทธิ์ ซึ่งค าพพากษา
ิ
ในคดีก่อนได้ตัดสินว่าสิทธินั้นถูกละเมิด แต่ต่อมาภายหลังได้รับการวินิจฉัยโดยส านักงานสิทธิบัตรว่าสิทธิ
ดังกล่าวนั้นแท้จริงเป็นโมฆะหรือใช้บังคับไม่ได้
(๖) เมื่อมีพยานหลักฐานที่ค้นพบใหม่ในภายหลังอย่างชัดแจ้งว่าควรที่จะได้มีการสืบพยาน
เกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของจ าเลยหรือควรจะได้มีการปลดปล่อยจ าเลย หรือบุคคลที่ต้องโทษนั้นควรได้รับ
ื่
การชดใช้เงินเพอบรรเทาความเสียหาย หรือบุคคลนั้นควรจะได้รับโทษน้อยกว่าที่ได้รับอยู่จริง ทั้งนี้
พยานหลักฐานดังกล่าวนี้จะต้องเป็นพยานหลักฐานที่สามารถรับฟังได้
ิ
ิ
ิ
(๗) เมื่อได้มีการพสูจน์ในภายหลังโดยค าพพากษาถึงที่สุดว่าผู้พพากษาซึ่งร่วมท าค าพพากษาใน
ิ
คดีก่อน หรือพนักงานอยการ ผู้ช่วยพนักงานอยการ หรือเจ้าหน้าที่ต ารวจได้ท าข้อความหรือเอกสารใดขึ้น
ั
ั
ซึ่งใช้เป็นพยานหลักฐานน าไปสู่ค าพิพากษาว่าจ าเลยมีความผิด ได้กระท าผิดเกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่
ั
ผู้มีอานาจในการขอรื้อฟนคดีอาญาขึ้นพจารณาใหม่ของประเทศญี่ปุ่น พนักงานอยการสามารถ
ิ
ื้
ร้องขอให้รื้อฟื้นคดีได้เพราะเป็นทนายของแผ่นดินและท าเพื่อประโยชน์สาธารณะ ส่วนบุคคลอื่น ๆ ที่มีสิทธิ
ร้องขอให้มีการรื้อฟนคดีขึ้นพจารณาใหม่ ได้แก่ จ าเลย ผู้แทนตามกฎหมาย และผู้ปกครอง และในกรณีที่
ิ
ื้
๕
ื่
รวีภัทร์ ฉัตรไชยเดช, “การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่: ศึกษากรณีเงอนไขในการยื่นค าร้องและผู้มีสิทธิ
ร้องขอให้รื้อฟื้นคดี” (วิทยานิพนธ์ปริญญานิติศาสตรมหาบัณฑิต กลุ่มวิชากฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมทาง
อาญา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม, ๒๕๖๒) หน้า ๗๕ – ๗๘.

