Page 961 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 961
๙๔๙
ิ
ุ
ื้
(๔) ถ้าศาลอทธรณ์สั่งให้รื้อฟนคดีขึ้นพจารณาใหม่ ให้ส่งคดีกลับไปให้ศาลชั้นต้นอกครั้งเพอท า
ื่
ี
หน้าที่พิจารณาคดีใหม่ และให้เรียกโจทก์ในคดีเดิมเข้ามาในคดีใหม่ด้วย (มาตรา 10-11)
(๕) ในการพจารณาคดีที่รื้อฟนขึ้นใหม่ ให้ฝ่ายจ าเลยน าพยานเข้าสืบก่อน เพอพสูจน์ว่ามีพยาน
ิ
ิ
ื่
ื้
เท็จหรือหลักฐานเท็จในคดีเดิม หรือมีหลักฐานใหม่อย่างไรที่แสดงได้ว่าจ าเลยไม่ได้กระท าความผิด และจึง
ให้โจทก์ในคดีเดิมมีสิทธิน าพยานเข้าสืบ (มาตรา 11 วรรคสอง)
ื้
(๖) ในระหว่างการพจารณาคดีที่รื้อฟนขึ้นใหม่ หากจ าเลยถูกคุมขังอยู่ตามค าพพากษาเดิม
ิ
ิ
จ าเลยสามารถยื่นขอประกันตัวได้ และศาลจะสั่งปล่อยชั่วคราวก็ได้ (มาตรา 12)
(๗) เมื่อพจารณาคดีที่รื้อฟนขึ้นใหม่เสร็จแล้ว และศาลจะต้องพพากษาใหม่ ถ้าคดีเดิมสิ้นสุดที่
ื้
ิ
ิ
ิ
ศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นเป็นผู้ท าค าพพากษาได้เลย ถ้าคดีเดิมสิ้นสุดที่ศาลอทธรณ์หรือศาลฎีกา ให้ศาล
ุ
ชั้นต้นส่งคดีไปให้ศาลนั้นๆ ท าค าพิพากษาใหม่ (มาตรา 13)
ื้
(๘) หากคดีที่รื้อฟนขึ้นไม่ได้พพากษาโดยศาลฎีกา คู่ความที่ไม่เห็นด้วยกับค าพพากษายังมีสิทธิ
ิ
ิ
อุทธรณ์ต่อศาลที่สูงกว่าได้อีกหนึ่งครั้ง (มาตรา 15)
ื้
ิ
ื้
(๙) ค าร้องขอให้รื้อฟนคดีขึ้นพจารณาใหม่ ให้ยื่นได้ครั้งเดียว ถ้าศาลไม่อนุญาตให้รื้อฟนคดี
ิ
ี
ี
หรือศาลพพากษายืนยันให้จ าเลยต้องรับโทษอก แม้ว่าภายหลังจะมีเหตุให้รื้อฟนคดีใหม่เกิดขึ้นอก
ื้
ี
ก็ไม่สามารถขอให้รื้อฟื้นคดีได้อกแล้ว (มาตรา 18)
ื้
ิ
ิ
(๑๐) หากรื้อฟนคดีขึ้นพจารณาใหม่แล้ว ศาลพพากษาครั้งใหม่ว่าจ าเลยไม่ได้กระท าความผิด
แต่จ าเลยได้รับโทษไปก่อนหน้านั้นแล้ว มาตรา 14 ก าหนดให้ศาลสั่งให้จ่ายค่าทดแทนคืนให้แก่จ าเลย
ได้ด้วย ถ้าจ าเลยเคยถูกปรับให้คืนเงินค่าปรับพร้อมดอกเบี้ย ถ้าจ าเลยเคยถูกคุมขัง ให้จ่ายค่าชดเชยการ
คุมขังในอัตรา 500บาทต่อวัน (ใช้อัตราตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 30 ซึ่งแก้ไขเมื่อ 9 เมษายน 2559)
หากเป็นกรณีจ าเลยถูกประหารชีวิตให้จ่ายเงินชดเชยไม่เกิน 200,000 บาท
ค าพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวกับการขอรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม ่
ิ
๘
ั
ั
ค าพิพากษาศาลฎีกาที่ 1360/2555 แม้คดีอนมีค าพพากษาถึงที่สุดนั้น พนักงานอยการ
ื่
ิ
เป็นโจทก์ฟองผู้ร้องฐานบุกรุกที่ดินพพาทซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพอประโยชน์ของแผ่นดิน
้
โดยเฉพาะ แต่ค าขอท้ายฟองได้ขอให้ลงโทษผู้ร้องตาม ป.ที่ดิน มาตรา 9, 108, 108 ทวิ, 108 ตรี โดย
้
มาตรา 9 เป็นบทบัญญัติห้ามบุคคลใดเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ และมาตรา 108 ทวิ วรรคหนึ่ง
เป็นบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรา 9 นับแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ใช้บังคับในวันที่ 4
มีนาคม 2515 โดยมีบทลงโทษหนักขึ้นในกรณีที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพอประโยชน์ของ
ื่
แผ่นดินโดยเฉพาะ ตามมาตรา 108 ทวิ วรรคสอง และมีบทลงโทษหนักขึ้นในกรณีที่ได้กระท าเป็นเนื้อที่
ิ
เกินกว่า 50 ไร่ ตามมาตรา 108 ทวิ วรรคสาม เมื่อพจารณาจากทางน าสืบของโจทก์ในคดีดังกล่าว ซึ่งมี
ส. ผู้จัดการนิคมอตสาหกรรมภาคใต้ และ น. นายอาเภอหาดใหญ่เบิกความประกอบกับบันทึกการประชุม
ุ
ิ
ได้ความว่า ที่ดินเหมืองฉลุงซึ่งรวมทั้งที่ดินพพาทเป็นที่ดินประเภทที่รกร้างว่างเปล่าซึ่งแสดงให้เห็นว่า
ั
ิ
้
ข้ออางในค าร้องของผู้ร้องที่ว่าที่ดินพพาทเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่านั้น ไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่อนชัดแจ้ง
ั
ิ
ี
ั
และส าคัญแก่คดี อกทั้งแม้จะฟงได้ว่าที่ดินพพาทเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่าอนเป็นสาธารณสมบัติของ
แผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์ มาตรา 1304 (1) ก็ย่อมถือเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งต้องห้ามมิ
่
ให้บุคคลใดเข้าไปยึดถือครอบครองโดยไม่มีสิทธิครอบครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ร้องเคยมีหนังสือลงวันที่
๘ กองผู้ชวยผู้พิพากษาศาลฎีกา. (255๕). ค ำพิพำกษำศำลฎีกำที่ 1360/2555. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
่
https://deka.in.th/view-554443.html. (วันทค้นข้อมูล : ๒๕๖๔, ๑๐ สิงหาคม).
ี่

