Page 962 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 962

๙๕๐

                                                                                                   ื
                                                 ุ
                 4 มิถุนายน 2534 ถึงผู้จัดการนิคมอตสาหกรรมภาคใต้ ขอผ่อนผันอยู่ในที่ดินไปจนกว่าจะเก็บพชผลที่
                 ลงทุนไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เสียก่อน อันเป็นการสนับสนุนให้เห็นว่าผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินพพาทโดยไม่
                                                                                               ิ
                 มีสิทธิครอบครอง เมื่อผู้ร้องบุกรุกครอบครองที่ดินพพาทโดยไม่มีสิทธิครอบครองย่อมเป็นความผิดตาม
                                                             ิ
                                                                                                  ิ
                 ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 (1), 108 ทวิ วรรคหนึ่ง ซึ่งศาลมีอานาจลงโทษผู้ร้องตามที่พจารณา

                                          ้
                                                                                               ื่
                 ได้ความได้ เพราะการระบุในฟองว่าบุกรุกที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่ว่าประเภทที่ใช้เพอประโยชน์
                 ของแผ่นดินโดยเฉพาะหรือที่ดินรกร้างว่างเปล่าเป็นเพยงรายละเอยด และเป็นเพยงบทลงโทษหนักขึ้น
                                                               ี
                                                                         ี
                                                                                      ี
                                                                                 ั
                 เท่านั้น ไม่ใช่ส่วนขององค์ประกอบความผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งค าพพากษาอนถึงที่สุดนั้น ได้ก าหนดโทษ
                                                                         ิ
                 จ าคุกและปรับแก่ผู้ร้องภายในระวางโทษตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิ วรรคหนึ่งแล้ว ดังนี้
                 ข้อเท็จจริงฟงไม่ได้ว่ามีพยานหลักฐานใหม่อนชัดแจ้งและส าคัญแก่คดีที่จะแสดงว่าผู้ร้องซึ่งต้องรับโทษ
                            ั
                                                      ั
                 อาญาโดยค าพิพากษาถึงที่สุดนั้นไม่ได้กระท าความผิด
                                                          ๙
                                                                                      ี
                          ค าพิพากษาศาลฎีกาที่ 6555/2548    ตามค าร้องของผู้ร้องอางแต่เพยงว่าค าเบิกความของ
                                                                                ้
                 พยานบุคคลซึ่งศาลอาศัยเป็นหลักในการพพากษาลงโทษผู้ร้องเป็นค าเบิกความเท็จ ไม่ถูกต้องตรงกับความ
                                                    ิ
                 จริง โดยไม่ปรากฏว่าได้มีค าพพากษาถึงที่สุดในภายหลังแสดงว่าค าเบิกความของพยานดังกล่าวเป็นเท็จ
                                          ิ
                                                      ิ่
                                                              ้
                 หรือไม่ถูกต้องตรงกับความจริง ทั้งผู้ร้องเพงจะยื่นฟอง ม. เป็นจ าเลยในคดีอาญาข้อหาเบิกความเท็จ
                 แจ้งความเท็จ น าสืบหรือแสดงพยานหลักฐานเท็จภายหลังจากที่ผู้ร้องได้ยื่นค าร้องนี้แล้ว กรณีจึงไม่ต้อง
                 ด้วยพระราชบัญญัติการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. 2526 มาตรา 56 (1)
                        ตามค าร้องของผู้ร้องปรากฏว่าพยานบุคคลที่ผู้ร้องอ้างปากหนึ่งเคยเบิกความเป็นพยานในคดีนี้แล้ว
                               ื่
                 ส่วนพยานปากอนล้วนเป็นบุคคลที่ผู้ร้องรู้จักคุ้นเคยเพราะเป็นพนักงานที่ท างานอยู่ในบริษัทผู้เสียหาย
                                             ี่
                                                                    ื่
                 เช่นเดียวกับผู้ร้องบ้าง เป็นญาติพน้องกับผู้ร้องบ้างและเป็นเพอนบ้านของผู้ร้องซึ่งอยู่กับผู้ร้องในขณะเกิด
                                                        ี
                                               ้
                 เหตุบ้าง และพยานเอกสารที่ผู้ร้องอางก็เป็นเพยงบันทึกความเห็นและข้อที่พยานดังกล่าวจะมาเบิกความ
                 พยานหลักฐานที่ผู้ร้องอางตามค าร้องจึงเป็นพยานหลักฐานที่มีอยู่ก่อนและผู้ร้องทราบดีอยู่แล้ว ไม่ใช่
                                     ้
                                                                 ้
                                                                                          ิ
                                                                                  ื้
                                                                                                  ิ
                 พยานหลักฐานใหม่อนชัดแจ้งและส าคัญแก่คดีที่ผู้ร้องจะอางมาเป็นเหตุให้รื้อฟนคดีขึ้นพจารณาพพากษา
                                  ั
                                                          ิ
                 ใหม่ตาม พระราชบัญญัติการรื้อฟนคดีอาญาขึ้นพจารณาใหม่ พ.ศ. 2526 มาตรา 5 (3) ได้ ค าร้องของ
                                             ื้
                 ผู้ร้องจึงไม่มีมูล ชอบที่ศาลจะมีค าสั่งยกค าร้องได้โดยไม่ต้องไต่สวน
                                                                                  ุ
                          ศาลชั้นต้นมีค าสั่งยกค าร้องของผู้ร้องโดยไม่ท าความเห็นไปยังศาลอทธรณ์ภาค 1 เพอให้ศาล
                                                                                                 ื่
                 อทธรณ์ภาค 1 มีค าสั่ง เพราะอานาจในการมีค าสั่งเป็นอานาจของศาลอทธรณ์ภาค 1 และการที่ศาล

                  ุ
                                                                               ุ

                                ิ
                                                                                 ื้
                                                                                              ิ
                  ุ
                 อทธรณ์ภาค 1 พพากษายืนย่อมเป็นการไม่ชอบด้วย พระราชบัญญัติการรื้อฟนคดีอาญาขึ้นพจารณาใหม่
                                                          ิ
                 พ.ศ. 2526 มาตรา 10 แต่เมื่อคดีขึ้นมาสู่การพจารณาของศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกามีอานาจที่จะมีค าสั่ง

                 ยกค าร้องได้โดยไม่ต้องย้อนส านวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีค าสั่งใหม่
                                                          ๑๐
                         ค าพิพากษาศาลฎีกาที่ 8868/2544    ผู้ร้องยื่นค าร้องขอให้รื้อฟนคดีขึ้นพิจารณาพพากษา
                                                                                                  ิ
                                                                                   ื้
                                     ี
                          ้
                 ใหม่ โดยอางเหตุแต่เพยงว่า มีพยานหลักฐานใหม่ตามบัญชีพยานท้ายค าร้องที่จะแสดงชี้ชัดเท่านั้น
                             ้
                 ไม่ปรากฏข้ออางโดยละเอยดชัดแจ้งเพอให้เห็นว่า พยานหลักฐานใหม่มีความเป็นมาอย่างไร เหตุใดจึง
                                       ี
                                                  ื่
                         ิ
                 ไม่น ามาพสูจน์ว่าผู้ร้องมิได้กระท าความผิดตั้งแต่แรก ที่ส าคัญพยานหลักฐานใหม่นั้นมีความส าคัญแก่คดี
                 มากพอที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงผลของค าพพากษาที่ได้พพากษาลงโทษผู้ร้องไปแล้วได้หรือไม่ เมื่อค าร้อง
                                                                 ิ
                                                      ิ

                        ๙  กองผู้ชวยผู้พิพากษาศาลฎีกา. (๒๕๔๘). ค ำพิพำกษำศำลฎีกำที่ 6555/2548. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
                               ่
                                                    ี่
                 https://deka.in.th/view-268269.html. (วันทค้นข้อมูล : ๒๕๖๔, ๑๐ สิงหาคม).
                        ๑๐  ส านักงานส่งเสริมงานตุลาการ. (๒๕๔๔). ค ำพิพำกษำศำลฎีกำที่ 8868/2544. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
                                                   ี่
                 https://deka.in.th/view-43420.html. (วันทค้นข้อมูล : ๒๕๖๔, ๑๐ สิงหาคม).
   957   958   959   960   961   962   963   964   965   966   967