Page 965 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 965
๙๕๓
๑๕
การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ : ศึกษากรณีค าพิพากษาศาลฎีกาที่ ๗๖๑๔/๒๕๖๐
คดีนี้สืบเนื่องจากกรณีนาง จ. ผู้ร้องในคดีนี้ ได้ถูกด าเนินคดีขับรถชนคนตาย เหตุเกิดเมื่อวันที่
ิ
๑๑ มีนาคม 2548 โดยเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2556 ศาลชั้นต้นได้อ่านค าพพากษาฎีกาว่าจ าเลย (ผู้ร้อง)
ั
มีความผิดฐานขับรถโดยประมาทอาจเกิดอนตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน ขับรถโดยไม่ค านึงถึงความ
ื่
ื่
ื่
ปลอดภัยหรือเดือดร้อนของบุคคลอน ขับรถแซงรถอนเข้าไปในเส้นกึ่งกลางของทางเดินรถในขณะมีรถอน
่
สวนทางมา และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแกความตาย เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
ื่
ลงโทษฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อนถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐
จ าคุก ๓ ปี ฐานไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควร และไม่ไปแสดงตัวกับแจ้งเหตุต่อพนักงาน
เจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที จ าคุก ๒ เดือน รวมจ าคุกจ าเลยเป็นเวลา 3 ปี 2 เดือน ต่อมาเมื่อวันที่ 3 เมษายน
2558 จ าเลยได้รับพระราชทานอภัยโทษออกจากเรือนจ านครพนม รวมถูกจ าคุก 1 ปี 6 เดือน
ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพนธ์ ๒๕๕๘ นาง จ. ได้ยื่นค าร้องขอให้รื้อฟนคดีอาญาดังกล่าวขึ้น
ั
ื้
พจารณาใหม่และแก้ไขค าร้องว่าผู้ร้องไม่ได้กระท าความผิด และเพงทราบในภายหลังว่า ผู้กระท าความผิด
ิ
ิ่
ที่แท้จริง คือ นาย ส. ซึ่งเป็นผู้ขับรถกระบะไปเชี่ยวชนผู้ตายจนถึงแก่ความตายในวันเกิดเหตุ ผู้ร้องมี
พยานหลักฐานใหม่อนชัดแจ้งและส าคัญแก่คดี ซึ่งถ้าได้น ามาสืบในคดีอนถึงที่สุดนั้น จะแสดงว่าผู้ร้องไม่ได้
ั
ั
ิ
กระท าความผิด ขอให้พพากษาใหม่ว่าผู้ร้องไม่ได้กระท าผิด ให้กระทรวงการคลังจ่ายค่าทดแทนแก่ผู้ร้อง
๒๕๕,๕๐๐ บาท และคืนต าแหน่งหน้าที่ราชการแก่ผู้ร้อง ศาลชั้นต้นไต่สวนค าร้องแล้ว มีความเห็นว่า
ื้
กรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา ๕ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการรื้อฟนคดีอาญาขึ้นพจารณาใหม่
ิ
ุ
พ.ศ. ๒๕๒๖ เห็นสมควรยกค าร้อง และส่งส านวนการไต่สวนพร้อมความเห็นไปยังศาลอทธรณ์ภาค ๔
ื้
ุ
ต่อมาศาลอทธรณ์ภาค ๔ มีความเห็นว่า ค าร้องมีมูลพอที่จะรื้อฟนคดีขึ้นพจารณาพพากษาใหม่ มีค าสั่งให้
ิ
ิ
รับค าร้อง และให้ศาลชั้นต้นด าเนินการพิจารณาคดีที่รื้อฟื้นขึ้นพิจารณาใหม่ต่อไป
ิ
ี
ั
ศาลชั้นต้นพจารณาแล้ว มีความเห็นว่าพยานหลักฐานผู้ร้องไม่มีน้ าหนักเพยงพอให้รับฟงได้ว่า
ผู้ร้องมิใช่ผู้กระท าความผิด เห็นสมควรยกค าร้องและส่งส านวนการพจารณาพร้อมทั้งความเห็นมายังศาล
ิ
ฎีกา ต่อมาเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ๒๕60 ศาลฎีกาได้มีค าพพากษายกค าร้องของนาง จ. ผู้ร้อง โดย
ิ
ิ
พจารณาว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางไต่สวนยังมีข้อน่าสงสัยว่า เงินที่นาย ส. น าไปช าระหนี้ตาม
ิ
ค าพพากษาให้ทายาทของผู้ตายจ านวน ๑๗๐,๐๐๐ บาท เป็นเงินของนาง ส. เองหรือไม่ การกระท าของ
นาย ส. ที่น าเงินจ านวน ๑๗๐,๐๐๐ บาท ไปช าระหนี้ตามค าพพากษาแทนผู้ร้อง จึงไม่ใช่หลักฐานที่บ่งชี้ว่า
ิ
นาย ส. เป็นผู้กระท าผิดในคดีนี้ พฤติการณ์แห่งคดีจึงมีเหตุอนควรเชื่อได้ว่า มีขบวนการว่าจ้างให้นาย ส.
ั
้
รับสมอางในตอนแรกว่าเป็นคนขับรถกระบะไปเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ของผู้ตายในวันเกิดเหตุ โดยเสนอ
ให้เงินค่าตอบแทนแก่นาย ส. จ านวน ๔๐๐,๐๐๐ บาท แต่นาย ส. เปลี่ยนใจไม่กระท าตามที่ตกลงเพราะ
ื่
อาจกลัวว่าจะได้รับโทษจ าคุก จึงมีการติดต่อบุคคลอนมารับสมอางเป็นคนขับรถกระบะแทนนาย ส. โดย
้
เสนอเงินให้ ๒๐๐,๐๐๐ บาท แต่อาจเป็นเพราะบุคคลนั้นขับรถยนต์ไม่เป็นหรือนาย ส. เปลี่ยนใจกลับมา
รับสมอางอกครั้ง จึงมีการด าเนินการให้นาย ส. มารับสมอางว่าเป็นคนรับรถกระบะไปเฉี่ยวชน
้
ี
้
ั
รถจักรยานยนต์ของผู้ตายในที่สุด ศาลฎีกาเห็นว่าผู้ร้องไม่มีพยานหลักฐานใหม่อนชัดแจ้งและส าคัญแก่คดี
ที่แสดงว่าผู้ร้องไม่ได้กระท าความผิด พิพากษายกค าร้อง
๑๕ ค ำพิพำกษำศำลฎีกำที่ ๗๖๑๔/๒๕๖๐. (๒๕๖๐). [ออนไลน์]. เข้าถงได้จาก : https://lawsiam.com
ึ
/?name=download&file=filedetail&max=4394. (วันที่ค้นข้อมูล : ๒๕๖๔, ๑๐ สิงหาคม).

