Page 959 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 959
๙๔๗
สาระส าคัญ
ิ
ิ
พระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้บังคับแก่คดีอาญาเท่านั้น ซึ่งศาลที่พจารณาพพากษาคดีอาญาตาม
พระราชบัญญัติฉบับนี้ ได้แก่ ศาลยุติธรรม ศาลเยาวชนและครอบครัวและศาลทหาร (มาตรา ๔)
ื้
ิ
ิ
คดีที่จะมีการร้องขอให้รื้อฟนขึ้นพจารณาใหม่นั้นจะต้องเป็นคดีที่ได้มีค าพพากษาถึงที่สุดให้ต้อง
ุ
รับโทษอาญาในคดีนั้นแล้ว ซึ่งคดีอาจถึงที่สุดในศาลชั้นต้น ศาลอทธรณ์ หรือศาลฎีกาก็ได้ และยังต้อง
ปรากฏว่า
ั
ิ
ั
(๑) พยานบุคคลซึ่งศาลอาศัยเป็นหลักในการพพากษาคดีอนถึงที่สุดนั้น ได้มีค าพพากษาอนถึง
ิ
ที่สุดในภายหลังแสดงว่าค าเบิกความของพยานนั้นเป็นเท็จหรือไม่ถูกต้องตรงกับความจริง (มาตรา ๕ (๑))
ิ
ั
(๒) พยานเอกสารหรือพยานวัตถุซึ่งศาลได้อาศัยเป็นหลักในการพจารณาพพากษาคดีอนถึงที่สุด
ิ
ิ
นั้น ได้มีค าพพากษาถึงที่สุดในภายหลังแสดงว่าเป็นพยานหลักฐานปลอมหรือเท็จหรือไม่ถูกต้องตรงกับ
ความจริง (มาตรา ๕ (๒))
ั
ั
(๓) มีพยานหลักฐานใหม่อนชัดแจ้งและส าคัญแก่คดี ซึ่งถ้าได้น ามาสืบในคดีอนถึงที่สุดนั้นจะ
แสดงว่าบุคคลผู้ต้องรับโทษอาญาโดยค าพิพากษาถึงที่สุดนั้นไม่ได้กระท าความผิด(มาตรา ๕ (๓))
บุคคลที่มีสิทธิยื่นค าร้องขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีใหม่นั้น (มาตรา ๖) ได้แก ่
(๑) บุคคลที่ต้องรับโทษอาญาโดยค าพิพากษาถึงที่สุดนั้นเอง
(๒) ผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้อนุบาลของบุคคลผู้ต้องรับโทษอาญาโดยค าพพากษาถึงที่สุดนั้น
ิ
(๓) ผู้จัดการหรือผู้แทนอื่นของนิติบุคคลกรณีผู้ต้องรับโทษอาญานั้นเป็นนิติบุคคล
(๔) ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน สามีหรือภริยาของบุคคลผู้ต้องรับโทษอาญาในกรณีที่บุคคลนั้นถึงแก ่
ความตายก่อนที่จะมีการยื่นค าร้อง
ั
ั
ั
(๕) พนักงานอยการในกรณีที่พนักงานอยการมิได้เป็นโจทก์ในคดีเดิม ซึ่งพนักงานอยการจะยื่น
ค าร้องเมื่อเห็นสมควรเองหรือเมื่อบุคคลตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔) ร้องขอก็ได้
ในการยื่นค าร้องนั้นโดยหลักให้ยื่นต่อศาลชั้นต้นที่ได้พพากษาคดีนั้นหรือศาลอื่นที่ได้มีเขตอานาจ
ิ
แทนศาลนั้นและในค าร้องนั้นต้องอ้างมูลเหตุในการร้องขอให้มีการรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่ให้ชัดแจ้ง และ
ิ
ั
ถ้าจะขอค่าทดแทนหรือขอรับสิทธิที่ต้องเสียไปอนเป็นผลโดยตรงจากค าพพากษานั้นคืน ก็ให้ระบุไว้ใน
ค าร้องนั้นด้วย โดยสิทธิที่ขอรับคืนนี้มิให้รวมถึงสิทธิในทางทรัพย์สิน ซึ่งสิทธิในการที่จะได้รับค่าทดแทน
ดังกล่าวนี้แตกต่างจากที่ก าหนดไว้ในพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย ค่าทดแทนและค่าใช้จ่าย
ิ
แก่จ าเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ กล่าวคือในพระราชบัญญัติการรื้อฟนคดีอาญาขึ้นพจารณาใหม่ฯ
ื้
ก าหนดให้ค่าทดแทนในกรณีที่บุคคลใดต้องค าพพากษาถึงที่สุดให้รับโทษทางอาญา แต่ปรากฏต่อมา
ิ
ภายหลังจากมีการรื้อฟนคดีอาญาขึ้นพจารณาใหม่ว่าบุคคลนั้นมิได้เป็นผู้กระท าความผิด ส่วนใน
ิ
ื้
พระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ ก าหนดให้ค่าทดแทนแก่จ าเลยในกรณีที่จ าเลยต้องได้รับความ
ิ
เสียหายหรือเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ ในระหว่างการด าเนินกระบวนพจารณาของศาล แต่ปรากฏว่าเมื่อได้มี
ค าพิพากษาถึงที่สุดแล้วปรากฏว่าจ าเลยมิได้เป็นผู้กระท าความผิด จึงเป็นคนละกรณีกัน
ื้
เมื่อได้มีการยื่นค าร้องต่อศาล ให้ศาลที่ได้รับค าร้องท าการไต่สวนว่ามีมูลพอที่จะรื้อฟนคดีขึ้น
พจารณาพพากษาใหม่หรือไม่ เว้นแต่กรณีที่พนักงานอยการเป็นผู้ร้องศาลจะไต่สวนค าร้องหรือไม่ก็ได้
ิ
ิ
ั
ั
ั
ในการไต่สวนค าร้องพนักงานอยการและโจทก์ในคดีเดิมจะมาฟงการไต่สวนและซักค้านพยานของผู้ร้อง
ุ
หรือไม่ก็ได้ เมื่อศาลไต่สวนค าร้องเสร็จแล้วให้ส่งส านวนการไต่สวนพร้อมทั้งความเห็นไปยังศาลอทธรณ์
ุ
ุ
ถ้าศาลอทธรณ์เห็นว่าค าร้องนั้นมีมูลให้ศาลอทธรณ์สั่งรับค าร้องและส่งให้ศาลชั้นต้นที่รับค าร้องด าเนินการ
ิ
พจารณาคดีที่รื้อฟนขึ้นพจารณาใหม่ต่อไป แต่ถ้าศาลอทธรณ์เห็นว่าค าร้องนั้นไม่มีมูลให้ยกค าร้องนั้น
ุ
ิ
ื้

