Page 86 - รายงานประจำปี 2564 คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
P. 86
สำหรับประเทศไทย ได้มีพัฒนาการในการจัดตั้ง การเสนอปัญหาตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามที่กฎหมาย
องค์กรวินิจฉัยข้อพิพาทคดีปกครองมาเป็นลำดับ บัญญัติ” ซึ่งต่อมาได้มีการร่างพระราชบัญญัติสองฉบับ
่
่
็
ตั้งแต่ชวงแรก (พ.ศ. ๒๔๗๖ - พ.ศ. ๒๕๑๖) เปนชวง ควบคู่กันไป คือ ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง
่
่
ที่ยังเห็นไมตรงกันวาควรหรือไมที่จะจัดตั้ง “ศาลปกครอง” และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ... กับ ร่างพระราชบัญญัติ
่
ขึ้นในประเทศไทย ชวงที่สอง (พ.ศ. ๒๕๑๗ - พ.ศ. ๒๕๓๘) ว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
่
เป็นช่วงที่ได้ข้อสรุปแล้วว่าควรจัดตั้ง “ศาลปกครอง” พ.ศ. ... และเมื่อได้มีการประกาศใช้กฎหมายทั้งสองฉบับ
่
่
่
ขึ้นในประเทศไทย แตยังเห็นไมตรงกันวา “ศาลปกครอง” ซึ่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจ
ที่จะจัดตั้งขึ้นนั้น ควรเปนเพียงศาลชํานัญพิเศษซึ่งเปน หน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ กำหนดเกี่ยวกับ
็
็
ศาลชั้นต้นที่อยู่ในระบบศาลยุติธรรมหรือควรแยก องค์ประกอบของคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจ
ออกมาเป็นอีกระบบศาลหนึ่งที่เป็นเอกเทศจากระบบ หน้าที่ระหว่างศาลไว้ในมาตรา ๔ ว่า “ให้มีคณะกรรมการ
ศาลยุติธรรม ดังที่เรียกกันว่าเป็น “ระบบศาลคู่” วินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลคณะหนึ่ง
และช่วงที่สาม (พ.ศ. ๒๕๓๘ - ปัจจุบัน) เป็นช่วง ประกอบด้วยประธานศาลฎีกาเป็นประธานกรรมการ
ที่ไดขอสรุปแลว โดยมีการบัญญัติไวในรัฐธรรมนูญ ใหมี ประธานศาลปกครองสูงสุด หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร
้
้
้
้
้
็
ระบบศาลปกครองเปนเอกเทศจากระบบศาลยุติธรรม ๔ และผู้ทรงคุณวุฒิอื่นอีกสี่คนเป็นกรรมการ” และมาตรา ๕
จนกระทั่งต่อมาได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ว่า “กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิประกอบด้วยบุคคล
แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ โดยมี ดังต่อไปนี้ (๒) ผู้มีความรู้และมีประสบการณ์เกี่ยวกับ
การบัญญัติไว้ในมาตรา ๒๔๖ ถึง มาตรา ๒๘๐ การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลปกครอง ซึ่งได้รับ
ใหมีการจัดตั้งศาลปกครองแยกต่างหากจากศาลอื่น ๆ การคัดเลือกจากที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครอง
้
ในลักษณะศาลคู่ เพื่อให้มีอํานาจหน้าที่วินิจฉัยคดี สูงสุด จำนวนหนึ่งคน” แต่เนื่องจากศาลปกครอง
ปกครองและให้มีการแต่งตั้งตุลาการศาลปกครอง ยังไม่เปิดทำการ และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง
รวมทั้งใหมีคณะกรรมการตุลาการศาลปกครองตลอดจน และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งมาตรา ๑๐๓
้
ให้มีการจัดตั้งหน่วยงานธุรการของศาลปกครอง ของพระราชบัญญัตินี้กำหนดกรอบเวลาให้เปิดทำการ
ที่เป็นอิสระขึ้นโดยเฉพาะ และได้มีการบัญญัติให้มี ศาลปกครองสูงสุดและศาลปกครองกลางไม่เกิน
องค์กรวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ ๑๘๐ วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ระหว่างศาลในระบบศาลคู่ ไว้ในมาตรา ๒๔๘ ที่บัญญัติว่า เมื่อพระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
“ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ระหว่าง ในวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๔๒ จึงมีผลใช้บังคับตั้งแต่
ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลทหาร หรือศาลอื่น วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๒ ดังนั้น จึงต้องเปิดทําการ
ให้พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดโดยคณะกรรมการคณะหนึ่ง ศาลปกครองสูงสุดและศาลปกครองกลางภายใน
ซึ่งประกอบด้วยประธานศาลฎีกาเป็นประธาน เดือนเมษายน ๒๕๔๓ ในขณะนั้น ผู้เขียนได้รับแต่งตั้ง
ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลอื่น และ ให้เป็นเลขาธิการสำนักงานศาลปกครองคนแรก
ผู้ทรงคุณวุฒิอื่นอีกไม่เกินสี่คนตามที่กฎหมายบัญญัติ จึงต้องรีบเตรียมการและดําเนินการทั้งในด้านของ
เป็นกรรมการ” และวรรคสอง บัญญัติให้ “หลักเกณฑ์ “Hardware” “Software” และ “Peopleware” เพื่อเปิด
๔ โปรดศึกษาเพิ่มเติมใน ชาญชัย แสวงศักดิ์, หนังสือครบรอบ ๒๑ ปี ของศาลปกครอง ก้าวที่ผ่านมาและก้าวต่อไป,
สำนักงานศาลปกครอง, พ.ศ. ๒๕๖๕.
84 ร า ย ง า น ป ร ะ จ ำ ปี ๒ ๕ ๖ ๔
คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล