Page 75 - annual 2561
P. 75
67
อาจอยู่ในเขตอ�านาจของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง ของศาลใด ความจริงคดีพิพาทเกี่ยวกับที่ดินนั้นมีหลาย
ก็ได้ แต่หลักในการพิจารณาว่าสัญญาใดเป็นสัญญาทาง ประการแล้วแต่ค�าฟ้องและค�าให้การ หากเป็นเรื่องที่
ปกครองที่อยู่ในอ�านาจศาลปกครอง คณะกรรมการวาง โจทก์มีค�าขอให้เพิกถอนการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือ
หลักไว้ ๒ ประการ ก็เป็นไปตามตัวบทมาตรา ๓ ของ ส�าคัญส�าหรับที่หลวง ซึ่งเป็นค�าสั่งทางปกครองโดยไม่มี
พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ คือ (๑) คู่สัญญาฝ่ายหนึ่ง ปัญหาว่าที่ดินพิพาทเป็นของใคร ข้อพิพาทในลักษณะนี้
ต้องเป็นหน่วยงานทางปกครอง (๒) ลักษณะสัญญา เป็นคดีปกครองอยู่ในอ�านาจศาลปกครอง ตามมาตรา ๙
พิพาทเป็นสัญญาสัมปทาน สัญญาให้เข้าร่วมจัดท�า วรรคหนึ่ง (๑) ไม่มีข้อโต้แย้ง แต่ที่จะมีปัญหาคือ กรณีที่
บริการสาธารณะ สัญญาจัดให้มีสิ่งสาธารณูปโภค และ มีการโต้แย้งว่าที่ดินพิพาทนั้นเป็นของโจทก์ ขอให้ศาลมี
สัญญาแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สัญญา ค�าสั่งให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองด้วย
ก่อสร้างอาคารที่ท�าการของรัฐไม่เข้าลักษณะของสัญญา แม้จะมีค�าขอให้เพิกถอนหนังสือส�าคัญส�าหรับ
๔ ประเภทนั้น เรื่องแรกที่เสนอเข้ามาสู่การพิจารณาของ ที่หลวงหรือโฉนดที่ดินซึ่งเป็นค�าสั่งทางปกครองมาด้วย
คณะกรรมการ และมีการถกเถียงแสดงเหตุผลกันนาน คณะกรรมการเสียงข้างมากก็จะเห็นว่าเป็นคดีพิพาท
ในการประชุมหลายนัด กว่าจะลงมติกันได้ ว่าสัญญา เกี่ยวกับ “สิทธิในที่ดิน” เพราะปัญหาว่าสิทธิในที่ดินนั้น
ก่อสร้างอาคารที่ท�าการของรัฐเป็นสัญญาทางปกครอง เป็นของใครกันแน่ เป็นการวินิจฉัยเรื่องการได้มาซึ่ง
หรือไม่ เพราะหากพิจารณาจากนิยามสัญญาทางปกครอง กรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองซึ่งอยู่ในอ�านาจของ
สัญญาก่อสร้างนี้ไม่เข้าลักษณะหนึ่งลักษณะใดของสัญญา ศาลยุติธรรม แต่ในฝ่ายเสียงข้างน้อยท่านก็มองในเรื่อง
ทางปกครองเลย จ�าได้ว่า ดร.โภคิน พลกุล รองประธาน ของค�าขอเป็นหลักว่า ค�าขอให้เพิกถอนค�าสั่งทางปกครอง
ศาลปกครองสูงสุด ขณะนั้นท่านเป็นกรรมการผู้ทรง นั้นเป็นค�าขอหลัก ส่วนค�าขอให้ตนมีสิทธิในที่ดินนั้นเป็น
คุณวุฒิของศาลปกครองสูงสุด อภิปรายว่า การท�าสัญญา ค�าขอรอง เมื่อค�าขอหลักอยู่ในอ�านาจพิจารณาพิพากษา
จัดจ้าง การตรวจรับ ต้องเป็นไปตามระเบียบส�านักนายก ของศาลปกครอง ศาลปกครองก็ย่อมมีอ�านาจพิจารณา
รัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุฯ ก็เป็นเรื่องในทางปกครอง ค�าขอรองได้ ก็เป็นความเห็นที่มีเหตุผล เลยยังถกเถียง
มีการอภิปรายเรื่องของวัตถุประสงค์ในการท�าสัญญา กันมาจนทุกวันนี้
ก่อสร้างอาคารของรัฐนี้ว่าเป็นเครื่องมือส�าคัญในการ หลักส�าคัญอีกประการหนึ่ง คือ คดีพิพาท
ด�าเนินบริการสาธารณะให้บรรลุผลและเป็นถาวรวัตถุที่ เกี่ยวกับการละเลยต่อหน้าที่ หรือละเมิดจากการละเลย
จะให้ประชาชนเข้าไปใช้ประโยชน์ได้โดยตรง สัญญาจ้าง ต่อหน้าที่ หลักการนี้ คณะกรรมการวางหลักไว้ว่า การ
ก่อสร้างอาคารของรัฐจึงเป็นสัญญาทางปกครอง สุดท้าย ละเลยต่อหน้าที่ หรือคดีพิพาทเกี่ยวกับการละเมิดของ
คณะกรรมการมีมติว่า สัญญาก่อสร้างอาคารที่ท�าการของ หน่วยงานทางปกครองอันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่
รัฐนี้เป็นสัญญาทางปกครอง ค�าวินิจฉัยที่ ๑๘/๒๕๔๕ ที่จะอยู่ในอ�านาจของศาลปกครอง ต้องเป็นการละเลย
เป็นค�าวินิจฉัยเรื่องแรกเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองที่ ต่อหน้าที่ตามที่มีกฎหมายก�าหนดให้ต้องปฏิบัติ มิเช่นนั้น
ไม่อยู่ในนิยามของสัญญาทางปกครองโดยบทบัญญัติ เป็นคดีที่อยู่ในอ�านาจศาลยุติธรรมทั้งหมด คดีโรงไฟฟ้า
ของกฎหมาย เมื่อค�าวินิจฉัยนี้ออกไปแล้ว ศาลยุติธรรม แม่เมาะเป็นคดีแรกที่คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดไป
ถือตามความเห็นนี้ โดยจะเห็นได้ว่าไม่มีการเสนอเรื่อง โดยใช้หลักเกณฑ์นี้ คดีนี้มีชาวบ้านมาฟ้องว่าโรงไฟฟ้า
ดังกล่าวให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอีก ปล่อยสารแขวนลอยและสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์โดย
หลักประการต่อมา คือ “คดีสิทธิในที่ดิน” เรื่องนี้ ไม่ควบคุม ท�าให้ฟุ้งกระจายทั่วหมู่บ้าน ในการประชุม
ก็อภิปรายถกเถียงกันมายาวนาน จนปัจจุบันนี้ ก็ยัง ดร.โภคินท่านอภิปรายว่า เกี่ยวกับการปล่อยสาร
ถกเถียงกันอยู่ว่าคดีพิพาทเกี่ยวกับที่ดินอยู่ในอ�านาจ แขวนลอยนี้ มีมติคณะรัฐมนตรีก�าหนดหลักเกณฑ์ไว้