Page 78 - annual 2561
P. 78

70




                                                            ในนามของรัฐและแทนรัฐโดยมิได้อยู่ในสังกัดของ
                                                            “หน่วยงานของรัฐ” แห่งใด เช่น บุคคลธรรมดาที่ปฏิบัติงาน

                                                            ในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ หรือในองค์กรหมู่
                                                            ตามกฎหมายต่าง ๆ เช่น คณะกรรมการข้าราชการ
                                                            สภาท้องถิ่น สภามหาวิทยาลัย ซึ่งหากบุคคลดังกล่าว

                                                            กระท�าละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่ ผู้เสียหายต้องฟ้อง
                                                            กระทรวงการคลังให้เป็นผู้รับผิดแทนรัฐ ตามมาตรา ๕

                                                            วรรคสองของพระราชบัญญัติดังกล่าว นอกจากนี้นิยาม
                                                            ค�าว่า “เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ เจ้าหน้าที่” ของพระราช
                                                            บัญญัติทั้งสองฉบับดังกล่าวยังแตกต่างจากบทนิยาม

                                                            ค�าว่า “เจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ
                                                            ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๕ ที่ว่า “เจ้าหน้าที่”

                                                            หมายความว่า “บุคคล คณะบุคคล หรือนิติบุคคลซึ่งใช้
                                                            อ�านาจหรือได้รับมอบให้ใช้อ�านาจทางปกครองของรัฐ
                                                            ในการด�าเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามกฎหมาย ไม่ว่า

            มิได้แยกแยะระหว่างรัฐวิสาหกิจที่เป็นนิติบุคคลมหาชน จะเป็นการจัดตั้งขึ้นในระบบราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ
            และรัฐวิสาหกิจที่เป็นนิติบุคคลเอกชนดังเช่นพระราช  กิจการอื่นของรัฐหรือไม่ก็ตาม” จากบทนิยามดังกล่าว

            บัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ฯ นอกจากนี้   “เจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติฉบับนี้จะต้องเป็นผู้ซึ่ง
            เฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาคดีพระราช ใช้อ�านาจหรือได้รับมอบให้ใช้อ�านาจทางปกครองของรัฐ
            บัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการฯ ยังบัญญัติชัดเจนว่า  ในการด�าเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามกฎหมาย ไม่ว่า

            ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ศาล และหน่วยงานอิสระของ นิติบุคคลนั้นจะจัดตั้งขึ้นในระบบราชการ รัฐวิสาหกิจ
            รัฐเป็น “หน่วยงานของรัฐ” และถือว่า องค์กรควบคุม หรือกิจการอื่นของรัฐหรือไม่ก็ตาม ซึ่งต่างจากบทนิยาม

            การประกอบวิชาชีพเป็น “หน่วยงานของรัฐ” ด้วย ซึ่ง ค�าว่า “เจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติความรับผิด
            แตกต่างจากพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของ ทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ฯ และพระราชบัญญัติข้อมูล
            เจ้าหน้าที่ฯ นอกจากนี้ ในส่วนบทนิยามค�าว่า “เจ้าหน้าที่   ข่าวสารของราชการฯ ซึ่งไม่จ�าต้องใช้อ�านาจทางปกครอง

            หรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐ” นั้น นิยามของพระราชบัญญัติ  นอกจากนี้ ตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทาง
            ทั้งสองฉบับก็แตกต่างกัน โดยในกรณีของพระราชบัญญัติ ปกครองฯ รัฐวิสาหกิจทั้งหมดเป็น “เจ้าหน้าที่” ตาม

            ข้อมูลข่าวสารของราชการฯ หากบุคคลนั้นปฏิบัติหน้าที่ พระราชบัญญัติฉบับนี้โดยมิได้แยกแยะว่าเป็นรัฐวิสาหกิจ
            ให้หน่วยงานของรัฐตามบทนิยามของมาตรา ๔ แห่ง  ที่เป็นนิติบุคคลมหาชนหรือนิติบุคคลเอกชน ขอเพียงให้
            พระราชบัญญัติดังกล่าว ก็เข้าบทนิยามว่าเป็นผู้มีสถานะ ใช้อ�านาจหรือได้รับมอบให้ใช้อ�านาจทางปกครองของรัฐ

            เป็น “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” ตามพระราชบัญญัติข้อมูล  ในการด�าเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามกฎหมาย และ
            ข่าวสารของราชการฯ  ทันที  แต่สถานะความเป็น   ค�านิยามที่ว่า “...ไม่ว่านิติบุคคลนั้นจะจัดตั้งขึ้นในระบบ

            “เจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิด ราชการ...หรือไม่ก็ตาม” แสดงให้เห็นว่าค�านิยามของ
            ของเจ้าหน้าที่ฯ นั้น เจ้าหน้าที่นั้นอาจมิได้เป็นข้าราชการ  ค�าว่า “เจ้าหน้าที่” ตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ
            พนักงาน หรือลูกจ้างของ “หน่วยงานของรัฐ” นั้นก็ได้   ทางปกครองฯ หมายความรวมถึงนิติบุคคลเอกชนด้วย

            แต่อาจเป็นบุคคลธรรมดาหรือคณะบุคคลที่กระท�าการ  โดยเพียงแต่บุคคลนั้นได้ใช้อ�านาจหรือได้รับมอบให้ใช้
   73   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83