Page 169 - สรุปแนวคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลในคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาฯ
P. 169
ี
�
คาวินิจฉัยช้ขาดอานาจหน้าท่ระหว่างศาล (คาส่ง) ท ี ่
�
ั
�
ี
ิ
�
๑/๒๕๖๐ ผู้ร้องย่นคาร้องขอให้คณะกรรมการวินจฉยชขาด คาพพากษา
ี
้
ั
ื
�
ิ
ี
ท่ถึงท่สุดระหว่างศาลฎีกาและศาลปกครองนครศรีธรรมราชขัดแย้งกัน
ี
ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยช้ขาดฯ มาตรา 14 วรรคหน่ง
ี
ึ
�
ั
โดยคดีแรกศาลฎีกามีคาพิพากษาว่า การออกโฉนดท่ดินพิพาทท้งฉบับ
ี
ี
ึ
ของผู้ร้องซ่งเป็นโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายเฉพาะส่วนท่ออกทับท่ดินของ
ี
ึ
นาย อ. ซ่งเป็นจาเลยท่ 1 ให้เพิกถอนเฉพาะส่วนท่ไม่ชอบ ส่วนคดีหลัง
�
ี
ี
ศาลปกครองนครศรีธรรมราชพิพากษาว่า นาง ร. ผู้ฟ้องคดี มิใช่เป็นผู้ม ี
ี
ู
้
้
ิ
้
่
ู
่
็
ู
้
ู
้
่
้
่
ิ
ิ
ี
ิ
สทธครอบครองทดนพพาทของผรองซึงเปนผถกฟองคด แตผรองตางหาก
ซ่งเป็นผู้ท่มีสิทธ์ กระบวนการออกโฉนดของผู้ร้องดาเนินการถูกต้อง
ิ
�
ึ
ี
ตามกฎหมายและเป็นคาส่งท่ชอบด้วยกฎหมาย พิพากษายกฟ้อง
ั
�
ี
ั
�
คณะกรรมการ เห็นว่า แม้ว่าคาพิพากษาของท้งสองศาลจะ
เป็นการวินิจฉัยถึงผู้มีกรรมสิทธ์ในท่ดินตามโฉนดของผู้ร้องซ่งเป็นฉบับ
ี
ึ
ิ
ี
เดียวกันก็ตาม แต่มิใช่เป็นกรณีท่ผู้ร้องฟ้องนาย อ. ต่อศาลยุติธรรม
ั
แล้วนาย อ. กลบมาเป็นโจทก์ฟ้องผ้ร้องต่อศาลปกครอง เพราะคดท ี ่
ู
ี
ั
ั
ี
ศาลปกครอง นาง ร. เป็นผู้ฟ้องผู้ร้องต่างหาก ท้งข้อเท็จจริงท่ท้งสอง
ื
ั
ู
ศาลอาศัยเป็นหลกในการวนจฉยก็ไม่ใช่เร่องเดยวกน ส่วนทผ้ร้องอ้าง
่
ี
ั
ี
ิ
ั
ิ
ว่า หากบังคับตามคาพิพากษาศาลฎีกา จะทาให้ผู้ร้องเสียกรรมสิทธ ์ ิ
�
�
ในท่ดินไปบางส่วน ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่ผู้ร้องน้น เห็นว่า
ั
ี
คาพิพากษาศาลฎีกาย่อมผูกพันผู้ร้องและนาย อ. ตามประมวลกฎหมาย
�
�
วธพจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนง ส่วนคาพพากษาศาล
่
ึ
ิ
ี
ิ
ิ
ปกครองก็ย่อมผูกพันผู้ร้องและนาง ร. เช่นกัน ตาม พ.ร.บ. จัดต้งศาล
ั
ี
ี
ปกครองฯ มาตรา 70 และมาตรา 71 (4) ดังน้กรรมสิทธ์ในท่ดินตาม
ิ
โฉนดพิพาทของผู้ร้องก็ใช้ยันกับนาง ร. ได้ตามคาพิพากษาศาลปกครอง
�
158 สรุปแนว ค�ำวินิจฉัยช้ขำดอ�ำนำจหน้ำที่ระหว่ำงศำลในคดีพิพำทเกี่ยวกับสัญญำ
ี
และค�ำวินิจฉัยชี้ขำดอ�ำนำจหน้ำที่ระหว่ำงศำล กรณีค�ำพิพำกษำหรือค�ำส่งที่ถึงที่สุดระหว่ำงศำลขัดแย้งกัน
ั
ตำมพระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรวินิจฉัยชี้ขำดอ�ำนำจหน้ำที่ระหว่ำงศำล พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ 1๔
(พ.ศ. ๒๕๔๔ - ๒๕6๒)