Page 200 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๑-๒๕๖๑-กฎหมายฯ
P. 200
´ØÅ¾ÒË
ของเราตกอยูภายใตอคติและภาพลวงตาอยางเลี่ยงไมได ซึ่งตัวอยางคลาสสิกของภาพลวงตา
อันเกิดจากฤทธิ์เดชของระบบที่ ๑ คือภาพลวงตาที่มีชื่อเรียกวา Müller-Lyer illusion ภาพนี้
เพียงแคหันปลายศรไปคนละดาน ก็สามารถสรางภาพลวงตาใหเห็นวาเสนตรงที่
ยาวเทากันนี้มีความยาวไมเทากัน และกระทั่งเมื่อรูความจริงขอนี้แลว ทุกครั้งที่เรามองภาพนี้
สมองเราก็จะยังคงถูกลวงดวยระบบที่ ๑ อยูรํ่าไปเพราะระบบที่ ๑ ทํางานใหเราไมวาเราจะ
รองขอหรือไม
ภาพลวงที่ระบบที่ ๑ สรางใหเราไมจํากัดอยูแคภาพลวงสายตาเทานั้น แตยังรวม
ไปถึงภาพลวงทางความคิดอีกดวย เพราะระบบที่ ๑ คิดเร็วและไมตรึกตรอง จึงทําใหเปน
ระบบที่ตกหลุมพรางหรือถูกชักจูงไดงาย ทั้งยังปกใจเชื่อเพียงแตสิ่งที่เห็นหรือสิ่งที่สอดคลอง
กับความเชื่อหรือความเห็นที่มีอยูกอนแลว โดยไมใสใจกระทั่งอัตราพื้นฐานทางสถิติ
(base-rate neglect) จึงทําใหการตัดสินใจดวยระบบที่ ๑ มักขัดแยงกับสถิติและ
ความเปนจริงอยางรุนแรง แตเรามักไมรูตัว ซํ้ายังมีความมั่นใจลนเกิน (overconfi dence)
ดวยวาคําตอบที่สมองหามาไดงายดายนั้นคือคําตอบที่ถูกตองแลว ซึ่งขอบกพรองทาง
ความคิดเหลานี้กอใหเกิดอคติ (bias) และการคิดลัด (heuristics) ที่นําไปสูความผิดพลาด
หลายประการ ซึ่งบุคคลทั่วไปโดยเฉพาะนักกฎหมายพึงตองระวังไว
อคติและการคิดลัดที่ผูใชกฎหมายพึงระวัง
เมื่อกลาวถึงอคติ (bias) นักกฎหมายเราคุนเคยเปนอยางดีกับคําวาอคติ ๔ คือ
อคติจากความรัก ความโกรธ ความกลัว และความหลง อคติ ๓ ตัวแรกเปนอคติที่เรารูตัววา
เรามีแตอคติจากความหลงหรือความไมรูนั้น เราอาจไมรูตัววาเรามี จึงเปนอคติที่นาจะตองพึง
ระวังมากที่สุด และอคติในระบบความคิดของเรา (cognitive bias) ก็มักจะเกิดขึ้นโดยที่เรา
ไมรูเนื้อรูตัว อคติจําพวกนี้จึงอาจจัดไดวาเปนโมหาคติหรืออคติจากความหลงไดในรูปแบบหนึ่ง
สวนการคิดลัด (heuristic) เปนตัวชวยพิเศษที่ทําใหการคิดในระบบที่ ๑ ชาง
รวดเร็วและงายดาย กลาวคือ เมื่อสมองของเราพบเจอปญหาที่ซับซอนเกินกวาสัญชาตญาณ
มกราคม - เมษายน ๒๕๖๑ ๑๘๙